Phones





PTG ปั๊มกำไร Q2/67 แตะ 468 ล้านบ. โตทะลุ 300%

2024-08-13 14:30:43 213



นิวส์ คอนเน็คท์ - PTG โชว์ผลงานไตรมาส 2/67 กำไรสุทธิ 468 ล้านบาท เติบโต 302.9% ปริมาณการขายน้ำมันผ่านทุกช่องทางเติบโตแข็งแกร่งที่ 11.9% เป็น 1,716 ล้านลิตร ส่งผลให้มาร์เก็ตแชร์ค้าปลีกน้ำมันเพิ่มเป็น 22.3% ขณะที่กาแฟพันธุ์ไทยขยายเป็น 1,028 สาขา บันทึกรายได้ 517 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.2% ซีอีโอ “พิทักษ์ รัชกิจประการ” ปรับเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางปีนี้โตเพิ่มเป็น 10-15% เดินหน้าสร้างเสริมระบบนิเวศทางธุรกิจ PT Max World ให้มีความมั่นคงและยั่งยืน

เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2567 นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2567 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567) บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 468 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 352 ล้านบาท หรือ 302.9% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานอยู่ที่ 0.28 บาทต่อหุ้น ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 57,775 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.7%  

ปัจจัยหลักมาจากธุรกิจ Oil มีรายได้จำนวน 53,622 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.0% เป็นผลมาจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางยังเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 11.9% เป็น 1,716 ล้านลิตร สาเหตุหลักมาจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านช่องทางค้าปลีกผ่านสถานีบริการ PT เติบโต 13.7% ซึ่งเป็นการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม ทั้งจากลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ส่งผลให้ไตรมาส 2/2567 บริษัทฯ สามารถครองส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ผ่านช่องทางค้าปลีกผ่านสถานีบริการ PT เพิ่มขึ้นเป็น 22.3% เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว ที่มีสัดส่วน 19.5%

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เน้นการปรับปรุงสถานีบริการเดิมให้มีความสะอาด ทันสมัยและครบครันมากขึ้น รวมถึงขยายสาขาในทำเลที่มีศักยภาพสูงเท่านั้น จึงทำให้มีอัตราการเติบโตในการขยายสถานีบริการไม่สูงมาก ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียง 1.9% เป็น 2,208 สถานี ขณะที่ราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการเฉลี่ยอยู่ที่ 31.25 บาทต่อลิตรเพิ่มขึ้น 1.0% ปัจจัยหลักมาจากการปรับราคาขายหน้าสถานีบริการระหว่างไตรมาส

ในส่วนของธุรกิจ Non-Oil มีรายได้เพิ่มขึ้น 24.5% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน เป็น 4,153 ล้านบาท มีปัจจัยหลักมาจากธุรกิจก๊าซ LPG ที่มีรายได้ 2,305 ล้านบาท เติบโต 13.1% เนื่องจากมีปริมาณการจัดจำหน่ายก๊าซ LPG ที่ยังคงสร้างสถิติสูงที่สุดอย่างต่อเนื่องจำนวน 174 ล้านลิตร หรือเพิ่มขึ้น 12.4% ประกอบกับมีราคาขายเฉลี่ยที่ 13.27 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.6% 

ขณะที่การเพิ่มขึ้นของปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG โดยรวมยังคงมาจากกลุ่ม Auto LPG ที่เติบโต 14.6% เป็น 124 ล้านลิตร จากการดำเนินโครงการ Taxi Transform และ Auto Transform ด้วยเป้าหมายในการสร้างความ อยู่ดี มีสุข ให้กับลูกค้าในทุกช่วงของชีวิตและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ประกอบกับ มีการเข้ามาใช้บริการของกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตร PT Max Card และ PT Max Card Plus โดยบริษัทฯ ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มของปริมาณการจำหน่ายก๊าซ LPG ผ่านสถานีบริการเป็นอันดับที่ 1 ในไตรมาส 2/2567 ที่ 29.8 % และมีจำนวนสถานีบริการ Auto LPG ที่จำนวน 246 สถานี ขณะที่กลุ่มครัวเรือนเพิ่มขึ้น 9.8% เป็น 37 ล้านลิตร ภายในสิ้นปีนี้ บริษัทฯ คาดการณ์การขยายจุดจำหน่าย Gas Shop และ Auto LPG เป็น 738 จุด  

สำหรับธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยมีรายได้จากการขายและบริการเท่ากับ 517 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.2% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นผลมาจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 2/2567 มีจำนวนสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยทั้งสิ้น 1,028 สาขา เพิ่มขึ้น 46.2% นับเป็นการขยายสาขาแตะหลักพันเป็นครั้งแรก โดยมีการกลับมาซื้อซ้ำ ของลูกค้ารายเดิมและจากกลุ่มลูกค้าผู้ถือบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ซึ่งปีนี้ทางบริษัทฯ ยังคงวางเป้าหมายการขยายสาขาของกาแฟพันธุ์ไทยไว้ที่ 400 สาขา

ส่วนธุรกิจอื่น ๆ ภายใต้ธุรกิจ Non-Oil บริษัทฯ ยังคงวางแผนขยายสาขา และ Touchpoints อย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าในปี 2567 บริษัทฯ วางเป้าจำนวนสาขาธุรกิจ Non-Oil อื่นๆ เป็นจำนวน 961 Touchpoints เพิ่มขึ้น 329 Touchpoints โดยการขยายสาขาจำนวนหลักๆ มาจาก ธุรกิจศูนย์บริการและซ่อมบำรุงรถยนต์ สถานีอัดประจุไฟฟ้า Elex by EGAT PT Autobacs และสาขาร้านสะดวกซื้อ Max Mart เป็นต้น

“ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นการเติบโตในธุรกิจทุกภาคส่วน โดยเฉพาะยอดขายน้ำมันที่ทำได้สูงตามเป้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้มาร์เก็ตแชร์ค้าปลีกน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น และยังคงเดินหน้าในการสร้างเสริมระบบนิเวศทางธุรกิจ PT Max World ให้มีความมั่นคงและยั่งยืน เพื่อตอบโจทย์วิสัยทัศน์เชื่อมให้ทุกคนได้เข้าถึงชีวิตที่ อยู่ดี มีสุข ในทุกช่วงของชีวิต ตลอดจนมีผลิตภัณฑ์และการบริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด โดยบริษัทฯ จะรักษาอัตราการเติบโตของผลการดำเนินงานให้มีความแข็งแกร่งทุกๆ ปีเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป” นายพิทักษ์ กล่าว

นายพิทักษ์กล่าวว่า บริษัทฯ ได้มีการปรับเป้าการเติบโตของปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางจากเดิมที่ 10-12% เป็น 10-15% เทียบกับปีก่อน จากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางของบริษัทฯ ที่ยังคงสร้างการเติบโตที่สูงจากปัจจัยภายในของทางบริษัทฯ รวมถึงอุปสงค์การใช้น้ำมันในครึ่งปีหลังมีทิศทางที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว และคาดว่าจะขยายจำนวนสถานีบริการเป็น 2,251 สถานีบริการภายในปีนี้