Phones





OSP โชว์ผลงานครึ่งปีแรก ฟาดกำไร 1.4 พันล.

2024-08-15 17:41:22 136



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - OSP โชว์ผลงานไตรมาส 2/67 ยอดขายพุ่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีรายได้จากการขายรวม 7,345 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5% และมีกำไรสุทธิ 604 ล้านบาท เติบโต 9.9% ขณะที่งวด 6 เดือนแรกปี 67 มีกำไรสุทธิ 1,433 ล้านบาท เติบโต 7.9% เดินหน้าผลักดันการเติบโตตามแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว
 
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 นางสาวรติพร ราษฎร์เจริญ Group Chief Financial Officer บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 เติบโตทั้งยอดขายและกำไรสุทธิ ทั้งธุรกิจเครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล ทำยอดขายพุ่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีรายได้จากการขายรวม 7,345 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ผลักดันโดยการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ 11.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีแบรนด์ ‘เอ็ม-150’ ครองแชมป์อันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง และแบรนด์ ‘ซี-วิท’ ผู้นำตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ที่โตเด่นทิ้งห่างคู่แข่ง ควบคู่กับกลยุทธ์เพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์และบริหารจัดการต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการเติบโตของผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้นที่ 26.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
 
ขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ 604 ล้านบาท เติบโต 9.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นกำไรจากการดำเนินงานปกติ (Profit from Operation) อยู่ที่ 923 ล้านบาท เติบโต 68.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นผลมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนและการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ทั้งนี้ บริษัทมีผลขาดทุนจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติสำหรับไตรมาสนี้จากการด้อยค่าเงินลงทุนในบริษัท Basecamp Brews Limited (BCB) จำนวน 315 ล้านบาท และการตั้งสำรองเงินให้กู้ยืมของบริษัท อินโนเวชั่น ออฟ เอ็กซ์พีเรียนซ์ จํากัด (iEX) จำนวน 4 ล้านบาท ในส่วนของผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2567 บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 1,433 ล้านบาท เติบโต 7.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.30 บาทต่อหุ้น พร้อมเดินหน้าผลักดันการเติบโตตามแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว
 
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2567 สามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ จากการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวที่มุ่งเน้นการสร้างความแข็งแกร่งและขยายการเติบโตให้กับธุรกิจหลัก (Core Business) การใช้กลยุทธ์ความหลากหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ (Brand Portfolio) และการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ (Premiumization) เพื่อรองรับตลาดที่แบ่งเป็นสองราคา นอกจากนี้ โอสถสภายังเดินหน้าขยายฐานกลุ่มผู้บริโภคไปยังกลุ่มใหม่ๆ ที่มีอัตราการเติบโตสูง ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ “เอ็ม-150” ที่ออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลังในรูปแบบใหม่ เจาะกลุ่มลูกค้าที่กว้างขวางยิ่งขึ้น อาทิ กลุ่มพนักงานออฟฟิศ หรือกลุ่มคนทั่วไปผู้มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบการทำกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงาน ส่งผลให้กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มบำรุงกำลังในประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกไตรมาส 
 
โดยในไตรมาส 2/2567 มีอัตราการเติบโตของรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในประเทศ 4.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และยังคงเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังด้วยส่วนแบ่งการตลาดรวม 46.4% โดยมีแบรนด์ “เอ็ม-150” ครองแชมป์อันดับ 1 อย่างแข็งแกร่ง เช่นเดียวกันกับตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ที่โอสถสภาครองแชมป์อันดับหนึ่งด้วยส่วนแบ่งการตลาด 45.9% เติบโต 3.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของวิตามินซี แบรนด์ “ซี-วิท” มีการเติบโตอย่างโดดเด่นด้วยส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 74.4% เติบโต 6.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ด้านรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในต่างประเทศเติบโต 32.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยปัจจัยหลักมาจากยอดขายที่เติบโตในเมียนมาร์และลาว
 
ด้านกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 26.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากการนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค สานต่อความสำเร็จจากการเป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์สบู่เหลวอาบน้ำเด็กด้วยส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ติดต่อกัน 8 ปีซ้อน เพื่อก้าวสู่ผู้นำตลาดเพอร์ซันนัลแคร์และโฮมแคร์ในอนาคต โดยล่าสุดได้ออกแบรนด์ผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้ชื่อ “Babi Mild & Beyond” ที่ถือเป็นการขยายพอร์ตโฟลิโอเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่นอกเหนือไปจากเดิมที่มุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กเพียงอย่างเดียว โดยออกสินค้าใหม่ผสานนวัตกรรม “พรีไบโอติก” ตอบรับเทรนด์สุขภาพ รองรับความต้องการผู้บริโภคที่ครอบคลุมทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงวัย เสริมด้วยเครือข่ายกระจายสินค้าและการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ทำให้สามารถครองใจและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าครอบคลุมทุกเซกเมนต์
 
“ความสำเร็จของผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันว่าโอสถสภาสามารถขับเคลื่อนการเติบโตได้ตามแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวที่วางเอาไว้ ทั้งนี้เพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนใหม่ๆ ที่จะส่งเสริมให้ธุรกิจหลัก (Core Business) เติบโตตามแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวและสอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโต 5 ปีของโอสถสภา บริษัทฯ ได้พิจารณาจำหน่ายเงินลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non-Core Business) รวมถึงเงินลงทุนที่โอสถสภามีสัดส่วนการถือหุ้นส่วนน้อยหรือไม่มีอำนาจควบคุม อย่างไรก็ตาม สถานะทางการเงินของโอสถสภายังคงแข็งแกร่งด้วยสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในระดับต่ำที่ 0.01 เท่า สะท้อนความพร้อมในการเปิดรับโอกาสการลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจ สร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจหลักและผลักดันการเติบโตด้านใหม่ในอนาคต โดยในครึ่งปีหลังโอสถสภามีแผนที่จะนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ต่อยอดการเติบโต พร้อมกับออกนวัตกรรมสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค” นางสาวรติพร กล่าว