Phones





บล.ฟิลลิป แนะซื้อ WICE อัพเป้าราคาใหม่ 7 บาท

2024-09-23 09:55:36 205



นิวส์ คอนเน็คท์ - บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ปรับราคาพื้นฐาน WICE ขึ้นเป็น 7 บาท ยังคงคำาแนะนำ “ซื้อ” จากอัตราค่าขนส่งแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น ด้านบริษัทพร้อมลุยงานโครงการขนส่งเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง และขนส่งเมล็ดกาแฟดิบจาก OR พร้อมส่งสัญญาณ ครึ่งปีหลังโตตามเป้า หลังอัตราค่าระวางเรือปรับตัวดีขึ้นและปริมาณการขนส่ง เชื่อแนวโน้มดีขึ้น พร้อมรับรู้รายได้จากการขยายธุรกิจ และการลงทุนในโปรเจคต่างๆต่อเนื่อง คาดทั้งปีโตไม่ต่ำกว่า 20%

เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2567 บริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด เผยแพร่บทวิเคราะห์แนวโน้ม บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร คาด ครึ่งหลังของปี 67 แนวโน้มกำไรดีขึ้นจากครึ่งปีแรก และดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน มากจากฐานต่ำในปีก่อน โดยอัตราค่าขนส่งทั้งทางทะเล และทางอากาศ มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น รวมถึงปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลนอกจากนี้จะรับรู้รายได้โครงการใหม่ 2 โครงการและการจัดตั้งบริษัทย่อยเพิ่มแห่งที่ 5 ในจีน และในฟิลิปปินส์ ปรับกําไรปีนี้ขึ้น 14.8% เป็น 241 ล้านบาท +41.4% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และปรับราคาพื้นฐานเป็น 7 บาท ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ

ด้าน นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ WICE เปิดเผยว่า ความคืบหน้าในโครงการต่างๆ เช่น ธุรกิจการให้บริการขนส่งเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง จาก สปป.ลาวมายังท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นนั้น อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมของโรงงานที่ สปป.ลาว คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงไตรมาส 4 และจะสร้างรายได้ประมาณ 150 ล้านบาทต่อปี ส่วนโครงการให้บริการขนส่งเมล็ดกาแฟดิบจากบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ซึ่งเป็นโครงการทดลองระบบการขนส่งระยะไกลด้วยยานยนต์เชื้อเพลิงไฟฟ้า (EV) ที่จะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3

ทำให้แนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังปี 2567 เป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทคาดการณ์ไว้ จากอัตราค่าระวางที่ปรับตัวดีขึ้นและผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว พร้อมปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้นทั้งทางเรือและทางอากาศ ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ทั้งสหรัฐอเมริกาและประเทศจีน ทำให้เห็นปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับการขยายธุรกิจของบริษัทที่คาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ รวมไปถึงการจัดตั้งบริษัทย่อยที่ประเทศฟิลิปปินส์และประเทศจีน เพื่อขยายช่องทางการให้บริการและฐานลูกค้า และการขยายพื้นที่ในการบริหารคลังสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทคาดการณ์รายได้ปีนี้จะเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 20% จากปีก่อน

“ปีนี้สถานการณ์ของธุรกิจขนส่ง ทั้งปริมาณการส่งขนและค่าระวาง น่าจะกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ จากที่ช่วงหลังโควิดค่าระวางปรับขึ้นค่อนข้างแรงและต่อมามีการปรับตัวลงแรงในช่วงปี 66 ซึ่งมองว่าน่าจะเป็นจุดต่ำสุดแล้ว หลังจากนี้น่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ขณะที่ครึ่งปีหลัง ถือว่าเป็นช่วงไฮซีซัน จะเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ภาพรวมในปีนี้น่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ไม่น้อยกว่า 20%" นายชูเดช กล่าว