นิวส์ คอนเน็คท์ – BANPU ปี 63 อัดงบ 930 ล้านเหรียญฯ ลุยลงทุนธุรกิจก๊าซ-พลังงานสะอาด ภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter หนุนสัดส่วน EBITDA เพิ่มเป็น 30-40% มั่นใจปีนี้พลิกกลับมาเป็นกำไร พร้อมเจรจาหาพันธมิตรลงทุนธุรกิจ LNG คาดปีนี้ได้ข้อสรุป หวังเจาะตลาดเอเชีย ส่วน Gas to power เล็งซื้อกิจการโรงไฟฟ้ากว่า 300 เมกะวัตต์ในสหรัฐ คาดรู้ผลปีนี้

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจรแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เปิดเผยว่า ในปี 63 บริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ราว 930 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะเน้นการลงทุนด้านพลังงานสะอาดมากขึ้น ภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter ในสัดส่วน 90% หรือประมาณ 840 ล้านเหรียญสหรัฐ

โดยการลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดนั้น ประกอบด้วย การลงทุนในธุรกิจแก๊ส โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน รวมถึงธุรกิจในกลุ่ม บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด ส่วนที่เหลือราว 10% หรือ 90 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการลงทุนซ่อมบำรุงเครื่องจักรในเหมืองถ่านหินเพื่อเพิ่มศักยภาพในการขุนเจาะถ่านหิน ทั้งนี้ การมุ่งเน้นลงทุนในพลังงานสะอาดนั้น คาดว่าในปีนี้จะส่งผลให้มีสัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย หรือ EBITDA เป็น 30-40%

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 63 มั่นใจว่าพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ เนื่องจากเติบโตจากการลงทุนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงไฟฟ้าของบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ที่จะจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในปีนี้จำนวน 4 โครงการ กำลังการรวม 451 เมกะวัตต์ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวงในจีน ขนาดกำลังการผลิต 396 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD ไตรมาส 4/63 โรงไฟฟ้าพลังงานลม ระยะที่ 1 ในเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ คาดว่า COD ไตรมาส 4/63 และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ยามางาตะ ขนาดกำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ COD ไตรมาส 3/63 และยาบูกิ ขนาดกำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ COD ไตรมาส4/63 ในญี่ปุ่น และยังมีโรงไฟฟ้าที่อยู่ในมืออีก 202 เมกะวัตต์ที่จะ COD ในปี 2566 คือโรงไฟฟ้าพลังงานลมระยะที่ 2-3ในเวียดนามรวม 50 เมกะวัตต์ และพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น อีก 152 เมกะวัตต์

อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจผลิตไฟฟ้านั้น ตามเป้าหมายในปี 68 จะมีกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 5,300 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นเชื้อเพลิงทั่วไป 4,500 เมกะวัตต์ และพลังงานหมุนเวียน 800 เมกะวัตต์ ซึ่งจะมาจากการเข้าถือหุ้น 50% ในบริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด ที่มุ่งเน้นดำเนินธุรกิจพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงาน
นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนปริมาณการขายถ่านหินที่เพิ่มขึ้น โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีปริมาณการขายถ่านหินรวม อยู่ที่ 46.7 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 62 มีกำลังผลิตรวมอยู่ที่ 45.3 ล้านตัน ขณะที่ราคาขายถ่านหินในปี 63 คาดว่าจะใกล้เคียงช่วงไตรมาส 3-4 ของปีก่อน อยู่ที่ประมาณ 70 เหรียญสหรัฐต่อตัน จากปี 62 เฉลี่ยอยู่ในระดับ 65-67 เหรียญสหรัฐต่อตัน

ส่วนกำลังการผลิตก๊าซฯ ในปีนี้ที่สหรัฐฯ ทั้ง 2 แหล่ง คือ แหล่งบาร์เน็ต และแหล่ง Marcellus รวมกำลังการผลิตจะอยู่ที่ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน 180 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ขณะที่ราคาขายก๊าซฯ คาดว่าจะอยู่ที่ 3-4 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู จากปี 62 อยู่ที่ 1.38 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู อีกทั้งแนวโน้มการอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเริ่มอ่อนค่าลงจากสิ้นปี 62 อยู่ที่ 30.35 บาทต่อดอลลาร์ แต่ช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ เงินบาทเริ่มอ่อนค่าลงกว่า 1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐแล้ว ถือเป็นสัญญาณที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในสหรัฐและเอเชีย เพื่อหาโอกาสเข้าลงทุนในธุรกิจซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ซึ่งต่อยอดไปสู่ธุรกิจเทรดดิ้ง LNG อีกทั้งมีแผนจะเข้าซื้อกิจการ (M&A) ธุรกิจ Gas to power ในเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนโรงไฟฟ้าขนาดกำลังการผลิตมากกว่า 300 เมกะวัตต์ในสหรัฐ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้

>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews