Phones





AWCตั้งเป้า5ปี EBITDAโตเฉลี่ยปีละ15%

2020-02-28 19:48:52 1793




นิวส์ คอนเน็คท์ - AWC เปิดผลประกอบการปี 62 กำไรโต 109% พร้อมเดินหน้าธุรกิจในปี 63 ด้วย 5 กลยุทธ์หลัก ตั้งเป้า EBITDA 5 ปีโตเฉลี่ย 15% ต่อปี


เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า ในปี 2562 นอกจากความสำเร็จจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว ผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจ มีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งเป็นที่น่าพอใจ โดยมีกำไรสุทธิ 1,040 ล้านบาท เติบโต 109% โดยมีกำไรจากการดำเนินงานของสินทรัพย์ดำเนินงาน เติบโต 8.4% ซึ่งแบ่งสัดส่วนเป็นโรงแรมและการบริการ (Hospitality) 45% ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการประกอบกิจการการค้า (Retail) 22% และธุรกิจอาคารสำนักงาน (Office) 33%


ปัจจุบัน บริษัทฯ มีโรงแรมที่เปิดดำเนินการแล้วรวม 16 แห่ง คิดเป็นจำนวนห้องพักรวม 4,869 ห้อง และอยู่ระหว่างการพัฒนาและปรับปรุงอีก 11 แห่ง คิดเป็นจำนวนห้องพักรวม 3,637 ห้อง โดยจะรวมเป็นทั้งสิ้น 27 แห่ง ซึ่งจะส่งผลทำให้บริษัทฯ มีจำนวนห้องพักรวมมากถึง 8,506 ห้อง ภายในสิ้นปี 68


ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมีการเปิดดำเนินการอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้าไปแล้ว 9 โครงการ และอีก 2 โครงการ อยู่ระหว่างการพัฒนาและปรับปรุง และอยู่ระหว่างการพัฒนาและทดสอบความพร้อมต่างๆ อีกทั้งยังมีอาคารสำนักงาน จำนวน 4 แห่ง โดยโครงการส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯ


ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) เติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปี ภายใน 5 ปีนี้ (ปี 63-67) จากปีก่อนอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท ตามการทยอยรับรู้มูลค่าทรัพย์สิน จากการเข้าซื้อกิจการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างมองหาโอกาสเพื่อเข้าลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดี


โดยกลยุทธ์การดำเนินงานในปี 63 จะดำเนินงานผ่านกลยุทธ์หลัก 5 ได้แก่ 1.การเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยแผนจัดสรรเงินลงทุนมากกว่า 30,000ล้านบาท เพื่อพัฒนาทั้งโครงการโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยวแนวไลฟ์สไตล์มากกว่า 12 โครงการ ซึ่งจะเพิ่มจำนวนห้องพักในโรงแรมเป็น 8,506 ห้องและเพิ่มพื้นที่เช่าของอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้าเป็น 415,481 ตร.ม.) ภายในปี 67
    
2.มุ่งเน้นลูกค้ากลุ่มรายได้ระดับกลางถึงสูง (Middle to High Income Customer Segment) โดยบริษัทมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจนได้แก่ลูกค้าและนักท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ระดับกลางถึงสูงและนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ที่มีอัตราการเติบโตและอัตราส่วนกำไรต่อรายได้สูง 3.สร้างความแข็งแกร่งร่วมกับพันธมิตรระดับโลก  เพื่อสร้างและขยายเครือข่ายพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญในสายงานต่างๆในการแบ่งปันความชำนาญและมาตรฐานการดำเนินงานให้อยู่ในระดับสากล อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ จากระบบจัดจำหน่ายทั่วโลก ด้วยโปรแกรมสมาชิก (Loyalty Program) กว่า 300 ล้านสมาชิกของผู้บริหารโรงแรมและเพิ่มตัวเลือกแบรนด์ที่หลากหลายให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากขึ้น
   
4.เป็นผู้นำตลาดสร้างประสบการณ์ใหม่ให้วงการ ด้วยการสร้างสรรค์โครงการขนาดใหญ่และมีจุดดึงดูดเพื่อสร้างขีดการแข่งขันและเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้กับประเทศ โดยโครงการของบริษัทมีจุดเด่นที่เป็นบรรทัดฐานใหม่ให้กับวงการ หรือจุดหมายการท่องเที่ยวนั้น ๆ อาทิการส่งเสริมความแข็งแกร่งและยกระดับอุตสากรรมไมซ์ให้กับประเทศไทยการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติผ่านเครือข่ายระดับโลกให้จุดหมายปลายทางที่โครงการของ AWC เปิดดำเนินการ
  
และ 5.พัฒนาและดำเนินธุรกิจเพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อคุณค่าองค์รวม การสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจด้วยการจัดทำแผนงานเพื่อความยั่งยืนในมิติต่างๆ ในด้านการรับรองมาตรฐานความยั่งยืนจากหน่วยงานต่างๆ


ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย บริษัทฯ จึงได้ออกมาตรการอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูแลความปลอดภัยเรื่องสุขอนามัยภายในโครงการ โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตรโรงแรมชั้นนำต่าง ๆ ในการออกนโยบายยกเว้นค่าธรรมเนียมในการยกเลิกเข้าพักในโรงแรม และการยกเลิกหรือเลื่อนการจัดประชุม โดยพิจารณาความเหมาะสมในช่วงเวลาที่เดินทางและประเทศต้นทาง ส่วนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการการค้า บริษัทฯ จะมอบส่วนลดค่าเช่าตามสถานการณ์ผลกระทบด้านจำนวนลูกค้าและเศรษฐกิจของแต่ละโครงการเดือนต่อเดือน โดยเฉพาะเอเชียทีค นักท่องเที่ยวลดเหลือ 15,000-18,000 คนต่อวัน จากเดิมเฉลี่ย 50,000 คนต่อวัน และจะพิจารณามอบความช่วยเหลือเพิ่มตามความเหมาะสมของสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง


นอกจากนี้ บริษัทได้ลงนามหนังสือตอบรับเพื่อรับจัดสรรสินเชื่อสีเขียวสำหรับโครงการต่างๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยร่วมศึกษากับบรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (IFC)​ รวมถึงกำลังพิจารณาการออกหุ้นกู้วงเงิน 50,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการทำอันดับเครดิตเรทติ้ง และศึกษาอยู่ว่าจะออกเป็นกรีนบอนด์หรือไม่


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews