นิวส์ คอนเน็คท์ - ORI ตั้งเป้ารายได้ปี 63 โต 1.6 หมื่นล้านบาท ผุดโครงการใหม่อีก 14 โครงการ ดันยอดขาย 2.15 หมื่นล้านบาท กางแผน 5 ปีรายได้แตะ 3-4 หมื่นล้านบาท
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2563 นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 5 ปีจากนี้ (2563-2567) จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 จะอยู่ที่ประมาณ 30,000-40,000 ล้านบาท ซึ่งสัดส่วนรายได้จะมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายประมาณ 65-70% และจะมาจากรายได้อื่นๆ เช่น โรงแรม, การบริหารโครงการร่วมทุน และธุรกิจบริการราว 30-35%
ขณะเดียวกัน ตั้งเป้ารายได้ปี 63 เติบโตอยู่ที่ 16,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่ 14,122 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้จากธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย ธุรกิจบริการ รวมถึงปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ารวมประมาณ 41,000 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปี 2563 ประมาณ 14,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ถึงปี 2566 นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าพร้อมโอน (สต็อก) ในมือกว่า 8,000 ล้านบาท แบ่งคอนโดมิเนียม 7,000 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 1,000 ล้านบาท
โดยบริษัทคาดว่ายอดขายในปีนี้จะเติบโตราว 21,500 ล้านบาท โดยบริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ในกลุ่มที่อยู่อาศัยอีกจำนวน 14 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการกลุ่มสมาร์ทคอนโดมีเนียม แบรนด์ดิออริจิ้น 2 โครงการ มูลค่า 4,200 ล้านบาท โครงการกลุ่มลักชัวรี่คอนโด 1 โครงการ มูลค่า 2,300 ล้านบาท โครงการกลุ่มบ้านจัดสรร 10 โครงการ ครอบคลุมทั้งแบรนด์บริทาเนีย และแบรนด์ใหม่ 3 แบรนด์ ได้แก่ แกรนด์บริทาเนีย ไบรตัน และเบลกราเวีย มูลค่ารวม 12,100 ล้านบาท โครงการกลุ่มอีอีซี 1 โครงการ มูลค่า 1,400 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมปฏิรูปองค์กรสู่ลักษณะกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่โดยจะแตกบริษัทย่อย 6 กลุ่มบริษัท ได้แก่ บริษัท ออริจิ้น คอนโดมิเนียม จำกัด ดำเนินธุรกิจคอนโด , บริษัท พาร์ค ลักชัวรี่ จำกัด ธุรกิจคอนโดลักชัวรี่ , บริษัท บริทาเนีย จำกัด ธุรกิจบ้านจัดสรร , บริษัท ออริจิ้น อีอีซี จำกัด ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก , บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด ธุรกิจอสังหาริมทรัพท์ที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง , และบริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด ธุรกิจบริการด้านอสังหาฯสมัยใหม่ครบวงจร
ส่วนงบลงทุนรวมในปี 2563 บริษัทตั้งไว้ที่ 15,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ใช้สำหรับซื้อที่ดิน หรือเช่าที่ดิน ในการพัฒนาโครงการ ประมาณ 7,000 ล้านบาท ส่วนอีก 8,000 ล้านบาท ใช้สำหรับเป็นค่าก่อสร้างในการพัฒนาโครงการ ซึ่งแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นหลัก
>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews