Phones





NER ปี 68 ยาง EUDR หนุน แนะ “ซื้อ” เป้า 7.30 บ.

2024-11-26 13:09:08 100



นิวส์ คอนเน็คท์ - NER คาดผลประกอบการไตรมาส 4/67 ทำสถิติสูงสุดใหม่ คาดกำไรปี 68 จะเติบโต 8% จากปี 67 คงคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาปี 68 ที่ 7.30 บาท

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER บล.หยวนต้า เปิดเผยว่า คาดการณ์กำไรไตรมาส 4/67 มีโอกาสทำระดับสูงสุดใหม่ที่ประมาณ 650 ล้านบาท เนื่องจาก ASP ที่สูงขึ้นสอดคล้องกับต้นทุนที่สูงขึ้นมากกว่าต้นทุนและ ASP ในไตรมาส 3/67 ทำให้เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 4/67 จะกลับมาที่ตัวเลขสองหลักได้ 

นอกจากนี้ปริมาณการขายบางส่วนส่งมอบล่าช้ากว่าแผนมาจากไตรมาส 3/67 และบริษัทยังคงเป้าปริมาณขายที่ 4.4 แสนต้นในปีนี้ ทำให้ไตรมาส 4/67 จะมีปริมาณส่งมอบถึง 1.3 แสนตัน สูงที่สุดของปี

ทั้งนี้หากกำไรไตรมาส 4/67 ใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้จะส่งผลให้กำไรปกติปี 2567 อยู่ที่ 1,839 ล้านบาท จะต่ำกว่าประมาณการกำไรทั้งปี 2567 ปัจจุจุบันราว 7% แต่ยังคงประมาณการกำไรปี 2568 เนื่องจากยังคงมุมมองเชิงบวกต่อราคายาง และปี 2568 จะมีสัดส่วนรายได้จากยาง EUDR ในระดับที่มีนัยสำคัญมากขึ้น หนุนทั้งรายได้และอัตรกำไรขั้นต้น

อย่างไรก็ตามยังคงคาดการณ์เงินปันผลช่วงครึ่งปีหลัง 2567 ที่ 0.38 บาท/หุ้น เนื่องจากในแง่ของกำไรสุทธิซึ่งใช้พิจารณาในการจ่ายเงินปันผลของบริษัทยังใกล้เคียงที่คาดการณ์

ทั้งนี้คงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 7.30 บาท ปัจจุบันซื้อขายที่ PER ปี 68 ต่ำเพียง 5.0 เท่า และคงคำแนะนำ “ซื้อ” เชิงกลยุทธ์คาดว่าตลาดจะตอบรับเชิงลบในช่วงแรกจากกำไรปกติที่ต่ำกว่าคาดมาก แต่เป็นจุดต่ำสุดของปี ราคาหุ้นไม่แพง มีปันผลสูง และไตรมาส 4/67 มีโอกาส New high จึงน่าสนใจสะสมที่แนวรับ 4.80 บาท และ 4.72 บาท ตามลำดับ

ด้านบล.อินโนเวสท์ เอกซ์ ประเมินว่าแม้ไตรมาส 4/67 คาดกำไรปกติดีขึ้นกว่าช่วงไตรมาสก่อน เพราะจะมีส่งบอบยางที่เลื่อนจากไตรมาส 3/67 ราว 5 พันตัน และคาดราคาขายยางเฉลี่ยสูงขึ้นกว่าไตรมาสก่อน หลังเริ่มใช้ราคายางช่วงไตรมาส 2-3/67 ซึ่งปรับขึ้นแรง หนุนให้คาดอัตรากำไรขั้นต้นจะปรัวดีขึ้น 

แต่อย่างไรก็ดีไตรมาส 4/67 คาดกำไรปกติจะอ่อนตัวกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน หลังมีความเสี่ยงปริมาณขายยางจะลดลงและอัตรากำไรขั้นต้นจะอ่อนตัวจากมีต้นทุนเฉลี่ยยางสูงขึ้น อีกทั้งกำไรปกติ 9 เดือนปี 67 คิดเป็นเพียง 68% ของประมาณการทั้งปีซึ่งต่ำเกินไป จึงปรับลดประมาณการ 

โดยภายใต้ประมาณการใหม่คาดปี 2567 NER มีกำไรปกติ 1,595 ล้านบาท ทรงตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่จะกลับมาโต 8% ในปี 2568 เมื่อเที่ยบกับช่วงเดียวกันปี 2567 จากราคายางที่ทรงตัวสูงจากอุปทานจำกัดและมีแผนเพิ่มลูกค้าใหม่ จึงประเมินราคาเป้าหมายปี 2568 ที่หุ้นละ 5.00 บาท EPS อิงจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากใช้สิทธิแปลงสภาพ NER-W2 ซึ่งมี 308 ล้านหน่วย และกำหนดให้ใช้สิทธิเท่ากัน 4 ครั้งในเวลา 2 ปี พร้อมอิงค่าเฉลี่ย PER ที่ 6.0 เท่าเช่นเดิม ซึ่งใกล้เคียงกับราคาหุ้นปัจจุบัน 

อย่างไรก็ดี NER มีจุดเด่นที่จ่ายเงินปันผลสูง โดยคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปีนี้นี้หุ้นละ 0.36 บาท คิดเป็น Div. Yield ปีละ 7.2% ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำ "Neutral” เพื่อรับเงินปันผล

สำหรับความเสี่ยงสำคัญ คือ ความผันผวนของราคายายางพารา, การถดถอยของเศรษฐกิจโลกและจีน, ภาวะภัยแล้งจากปรากฎการณ์เอลนีโญอาจกระทบผลผลิต, การแข็งค่าของเงินบาท ส่วนความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญ คือ การแปรรูปยางอาจก่จก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศและเกิดน้ำเสียได้ อย่างไรก็ดี บริษัทบริหารจัดการกระบวนการผลิตอย่างเป็นระบบ และมีการติดตามผลต่อเนื่อง