Phones





TRITN แจง ก.ล.ต. พัฒนา “The Haven” คุ้มค่าการลงทุน

2024-12-11 09:07:31 70



นิวส์ คอนเน็คท์ - TRITN เดินหน้าชี้แจงต่อ ก.ล.ต. พัฒนาโครงการ “The Haven” ต้นแบบการลงทุนเชิงนิเวศ เน้นความยั่งยืนและการอนุรักษ์ คุ้มค่าต่อการลงทุน พร้อมย้ำผลตอบแทนสูงถึง 20% ต่อปี ผลดีโดยตรงต่อผู้ถือหุ้น

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 บริษัท ไทรทัน โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) หรือ TRITN โดย นางสาวหลุยส์ เตชะอุบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพัฒนาโครงการ The Haven และการทําธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง ต่อสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. โดยมีสาระสำคัญดังนี้

ไทรทันฯ ได้รับโอนกิจการทั้งหมดจาก บริษัท บ้านไร่เตชะอุบล โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งถือครองที่ดินจำนวน 732 ไร่ การดำเนินธุรกรรมดังกล่าว มีความคุ้มค่าอย่างยิ่ง เนื่องจากราคาประเมินที่ดินอยู่ในช่วง 1,875-1,900 ล้านบาท แต่บริษัทฯ ชำระค่าตอบแทนเพียง 1,399 ล้านบาท โดยการออกหุ้นเพิ่มทุนแทนการชำระเงินสด ซึ่งต่ำกว่าราคาประเมินถึง 25-26% นอกจากนี้ การดำเนินธุรกรรมยังช่วยลดอัตราหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E Ratio) ได้อย่างมีนัยสำคัญ หากในอนาคตมีความจำเป็นต้องขายที่ดินบางส่วน บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถทำกำไรได้สูง เนื่องจากไม่มีต้นทุนทางการเงินในที่ดินดังกล่าว อีกทั้งยังสามารถแบ่งแยกโฉนดเพื่อเพิ่มมูลค่าของที่ดินในแต่ละส่วนได้

โครงการ The Haven ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 5 โซน ได้แก่ โซนฟาร์มขนาดเล็ก (Haven Mini Farm) โซนสัตว์ปีก (Haven Aviary) โซนสัตว์ป่า (Haven Sanctuary) โซนสวนพฤกษศาสตร์ (Haven Botanical Garden) และโซนป่าและทางเดินป่า (Forest Sanctuary) โดยพื้นที่โซนป่าจะถูกพัฒนาให้เป็นจุดขายสำคัญของโครงการ เช่น การเดินป่า การปั่นจักรยาน และกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ต่าง ๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติอย่างปลอดภัย กิจกรรมเหล่านี้ยังสามารถสร้างรายได้ให้แก่โครงการ เช่น การจัดการแข่งขันวิ่ง การจัดค่ายอนุรักษ์ธรรมชาติ เป็นต้น

จากการคาดการณ์ของบริษัทฯ หากโครงการ The Haven สามารถพัฒนาได้ตามแผน บริษัทฯ คาดว่าอัตราผลตอบแทนภายใน (Internal Rate of Return หรือ IRR) จะอยู่ที่ประมาณ 20.4% ต่อปี และระยะเวลาคืนทุน (Payback Period) จะอยู่ที่ประมาณ 5.17 ปี หลังจากเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ในปี 2571 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืน

"บริษัทฯ ยืนยันว่า การได้มาซึ่งที่ดิน ผ่านการเจรจาและดำเนินการอย่างรอบคอบที่สุด บริษัทฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะทางกฎหมาย (Legal Due Diligence) และภาษี (Tax Due Diligence) รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study) โดยละเอียดก่อนเสนอวาระต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการดำเนินโครงการนี้สอดคล้องกับข้อกำหนดทางกฎหมายทุกประการ"

ในส่วนของการปรับลดงบประมาณการลงทุนนั้น เนื่องจากบริษัทฯ ได้ริเริ่มแนวคิดเกี่ยวโครงการมาเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี โดยโครงการได้ผ่านการทบทวนและปรับปรุงอย่างมากเพื่อให้สอดคล้องกับแผนการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ (Feasibility Study) ที่บริษัทฯ จัดทำขึ้น และการออกแบบโครงการ ได้ผ่านการทบทวนและปรับปรุงหลายครั้งภายหลังการหารืออย่างเข้มข้นกับผู้ออกแบบโครงการ (Mandai Global Pte. Ltd.) เพื่อให้ได้ผลตอบแทนของโครงการตามที่บริษัทฯ ต้องการ อีกทั้งการทบทวนและปรับปรุงดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงขอบเขตและการออกแบบของโครงการที่ได้มีการขัดเกลาเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการและรสนิยมของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ในขณะที่ยังเอื้อให้โครงการสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในเชิงต้นทุนมากที่สุด และเป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของบริษัทฯ ดังนั้น การลดมูลค่าการลงทุนโครงการจาก 2,700 ล้านบาท เหลือ 2,290 ล้านบาท จึงเป็นมูลค่าที่เหมาะสม

สำหรับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นจากการทำธุรกรรมครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อการบริหารงานของบริษัทฯ นางสาวหลุยส์ เตชะอุบล ยังคงดำรงตำแหน่งในฐานะกรรมการและผู้บริหารหลักเช่นเดิม อีกทั้งนายทรงชัย อัจฉริยหิรัญชัย ซึ่งจะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับผู้ถือหุ้นรายใหญ่รายอื่น และไม่มีแผนที่จะเข้ามาบริหารงานในบริษัทฯ แต่อย่างใด