Phones





BGRIMจ่อเซ็นโครงการใหม่เพิ่มกว่า650MW

2020-03-06 15:12:39 1951




นิวส์ คอนเน็คท์ - BGRIM เล็งซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม SPP 2-3 โครงการ รวมกำลังการผลิต 300-400 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในมาเลเซีย 1 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 200-250 เมกะวัตต์ เตรียมงบลงทุนกว่า 6.3 หมื่นล้านบาท ในช่วงปี 63-68 ขณะที่ปีนี้คาดใช้เงินลงทุนราว 2 หมื่นล้านบาท รวมซื้อกิจการ หวังดันรายได้โต 10-15% พร้อมมองโอกาสลงทุนเพิ่มทั้งในไทย-ต่างประเทศ มั่นใจดันกำลังการผลิต 5,000 เมกะวัตต์ในปี 65


เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2563 นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยภายในงาน Opportunity Day ว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการ (M&A) โครงการโรงไฟฟ้าผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) ในประเทศไทย ซึ่งเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม ขนาดกำลังการผลิตรวมกันราว 300-400 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างเจรจาซื้อกิจการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ ขนาดกำลังการผลิต 200-250 เมกะวัตต์ในประเทศมาเลเซีย โดยโครงการในประเทศไทยและมาเลเซียนั้น หากรวมกำลังการผลิตจะอยู่ในระดับ 500-650 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะดำเนินการซื้อกิจการแล้วเสร็จภายในครึ่งปีหลัง 63 และสามารถรับรู้รายได้เข้ามาทันที


ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าที่เตรียมจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 63 นั้นมีกำลังการผลิตรวมกว่า 104 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยโครงการ โรงไฟฟ้าพลังงานลมบ่อทอง ขนาดกำลังการผลิต 16 เมกะวัตต์ ที่จ.มุกดาหาร โครงการโซลาร์ฟาร์ม ขนาดกำลังการผลิต 39 เมกะวัตต์ ที่ประเทศกัมพูชา นอกจากนี้ ยังมีโครงการโซลาร์รูฟท็อป รูปแบบ Private PPA รวมกำลังการผลิต 49 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโครงการโซลาร์รูฟท็อปในนิคมอุตสาหกรรมหลักชัย จ.ระยอง 13 เมกะวัตต์ โซลาร์รูฟท็อปที่ฟิลิปินส์ 6 เมกะวัตต์ และโซลาร์รูฟท็อป AL Madina ประเทศโอมาน 30 เมกะวัตต์ COD ปี 63


ทั้งนี้ การดำเนินการซื้อกิจการรวมถึงการ COD ไฟฟ้าเข้ามาเพิ่มในปีนี้จะส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้าที่ COD เพิ่มเป็น 3,000 เมกะวัตต์ในสิ้นปี 63 จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตที่ COD อยู่ 2,896 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตติดตั้งที่มีอยู่ในมือราว 3,424 เมกะวัตต์


ขณะที่รายได้ในปี 63 บริษัทมั่นใจว่าจะมีรายได้เติบโตในระดับ 10-15% ซึ่งจะได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการโรงไฟฟ้าที่ COD ในปี 62 ที่จะรับรู้รายได้เต็มปีในปี 63 รวมถึงจะได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการที่ COD ในปีนี้และโครงการที่คาดว่าจะซื้อกิจการเข้ามาเพิ่ม


นอกจากนี้ เพื่อการเติบโตได้อย่างยั่งยืนและแข็งแกร่งต่อเนื่องและสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุน บริษัทได้มองหาโอกาสขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยในต่างประเทศนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาและศึกษาการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่มในเวียดนาม ฟิลิปินส์ เกาหลีใต้ ขนาดกำลังการผลิตรวมกว่า 300 เมกะวัตต์ ไม่รวมโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) ขนาดกำลังการผลิตราว 3,000 เมกะวัตต์ในประเทศเวียดนาม ที่ BGRIM เป็นผู้ได้สิทธิ์ในการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน ดังนั้น จึงมั่นใจว่ากำลังการผลิตจะได้ตามเป้าหมาย 5,000 เมกะวัตต์ในปี 65 อย่างแน่นอน


ส่วนโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้า SPP รีเพลชเม้นท์จำนวน 5 โครงการที่ทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมที่หมดอายุ และการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้า SPP ใหม่ 2 โครงการที่ย้ายพื้นที่จาก จ.ราชบุรี มาเป็น จ.อ่างทอง รวมกำลังการผลิตทั้งหมดจำนวน 7 โครงการ มีกำลังการผลิต 980 เมกะวัตต์คาดว่าจะ COD ในปี 65


อย่างไรก็ตาม การดำเนินการลงทุนในช่วงระยะเวลา 6 ปี (63-68) นั้น คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 63,000 ล้านบาทสำหรับลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตในมือ ส่วนเงินลงทุนในปี 63 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 20,000 ล้านบาท รวมซื้อกิจการด้วย โดยบริษัทมีศักยภาพเพียงพอสำหรับการลงทุนในอนาคต เนื่องจากปัจจุบันมีหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.9 เท่ายังมีศักยภาพในการกู้เงินอีกจำนวนมาก พร้อมทั้งมีกระแสเงินสดในมือราว 10,000-12,000 ล้านบาท และในช่วงครึ่งปีหลัง 63 นั้นบริษัทเตรียมออกหุ้นกู้ราว 8,000 ล้านบาทเพื่อเสริมศักยภาพในการลงทุน


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews