Phones





BJCตั้งเป้ายอดขายโตเลขหลักเดียว ท่มลงทุน1หมื่นล.

2020-03-06 15:38:41 1853




นิวส์ คอนเน็คท์ – BJC ตั้งเป้ายอดขายปี 2563 โตเลขหลักเดียว พร้อมวางงบลงทุน 8,000-10,000 ล้านบาท สำหรับขยายสาขา อีกทั้งเตรียมออกหุ้นกู้มูลค่า 12,000 ล้านบาท ในเดือน มี.ค. นี้


เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2563 นายรามี ปีไรแนน ผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ หรือ BJC เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 2563 เติบโตขึ้นเป็นตัวเลขหลักเดียวระดับกลาง (Mid-Single digit) จากปีก่อนมียอดขาย 158,00 ล้านบาท เติบโตขึ้น 1.2% โดยการเติบโตหลักๆ มาจากการขยายสาขาของ Big C ซึ่งในช่วง 2 เดือนแรกของปี บริษัทมียอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหากเทียบกับไตรมาส 4/62 เชื่อว่ามาจากการที่ผู้บริโภคซื้อสินค้ากักตุนไว้


สำหรับกลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ (Packaging Supply Chain) จากการที่คำสั่งซื้อกระป๋องที่หายไปของกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ ตอนนี้ได้มีการหาลูกค้ารายใหม่แล้ว และจะมีทยอยมาเรื่อยๆ โดยปัจจุบันได้มีการส่งกระป๋องให้ลูกค้าใหม่ที่เป็นโรงเบียร์ในประเทศเวียดนามกว่า 300 ล้านกระป๋องต่อปี และคาดว่าปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 700 ล้านกระป๋องต่อปี และคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 900 ล้านกระป๋องต่อปี ภายในปี 2564 บริษัทได้มีขยายกำลังการผลิตกระป๋องในประเทศเวียดนามจาก 1,400 ล้านกระป๋อง เพิ่มขึ้นเป็น 1,800 ล้านกระป๋อง เพิ่มขึ้นกว่า 30% เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่มากขึ้น โดยเฉพาะขนาดกระป๋อง 500 ML ที่ใช้บรรจุเบียร์ และมะพร้าว และ 180 ML ที่ใช้บรรจุน้ำอัดลม


รวมทั้งกลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภค(Consumer Supply Chain) บริษัทมีแผนขยายกำลังผลิตทิชชู่ปีนี้เพิ่มขึ้นกว่า 50% หรือ 20,000 ตันต่อปี เพื่อรองรับความต้องการใช้ที่มากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 46,000 ตันต่อปี อีกทั้งกลุ่มสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์และทางเทคนิค(Healthcare & Technical Supply Chain) ปีนี้จะเติบโตมากกว่า 5% โดยเฉพาะกลุ่มเวชภัณฑ์ เนื่องจากปีนี้ความต้องการใช้จะเพิ่มมากขึ้น ส่วนเครื่องมือแพทย์ปีนี้จะเติบโตได้ดี หลังงบประมาณภาครัฐจะเริ่มเบิกใช้ได้ หลังมีความล่าช้ามาจากปีก่อน ซึ่งสัดส่วนรายได้มาจากโรงพยาบาลรัฐประมาณ 60%


ขณะที่งบลงทุนปีนี้ไว้ที่ 8,000-10,000 ล้านบาท สำหรับการปรับปรุงสาขาเดิม การเปิดสาขาใหม่ และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยใช้งบในการเปิดสาขาไฮเปอร์มาร์เก็ต 300 ล้านบาทต่อสาขา, ซุปเปอร์มาร์เก็ต 50-60 ล้านบาทต่อสาขา, และ Mini Big C 5-7 ล้านบาทต่อสาขา และเตรียมออกหุ้นกู้มูลค่า 12,000 ล้านบาท ในเดือนมีนาคมนี้ ทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่ครบกำหนดชำระ โดยหุ้นกู้ชุดใหม่จะมีอัตราดอกเบี้ยลดลงจากชุดเดิม จากภาวะดอกเบี้ยขาลงในปัจจุบัน ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินมีแนวโน้วปรับตัวลดลงมากกว่านี้จากปัจจุบันอยู่ที่ 3% พร้อมทั้งอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น(D/E) ยังอยู่ในระดับ 1.3 เท่า ตั้งเป้าควบคุมไม่ให้เกิน 2 เท่า


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews