Phones





กูรูหุ้นเชียร์ “ซื้อ” PTG เคาะเป้าสูงสุด 12.7 บ./หุ้น

2024-12-16 09:56:30 91



นิวส์ คอนเน็คท์ - เซียนหุ้น 3 แห่ง พร้อมใจแนะ "ซื้อ" หุ้น PTG เคาะกรอบราคาเป้าหมาย 11-12.70 บาท โดย บล.ยูโอ เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ประเมินยอดขายน้ำมัน Q4/67 เติบโต 8-10 % ให้ราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 12.7 บาท ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดกำไรปี 68 เติบโตดี รับแรงหนุนจากปริมาณยอดขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และธุรกิจ Non-Oil, ท่องเที่ยวขยายตัว กลยุทธ์ PT Max Card หนุน ให้ราคาเหมาะสม 11 บาท ขณะที่ บล. ทรีนีตี้ คาดกำไรปี 67 อยู่ที่ 1,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากค่าการตลาดที่ระดับปกติ 1.7 บาทต่อลิตร ให้ราคาเป้าหมายที่ 11 บาท  

เมื่อวันที่ วันที่ 16 ธันวาคม 2567 บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์ โดยประเมินแนวโน้มกำไรสุทธิ Q4/2567 ของบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG จะฟื้นตัวจาก High season ของการท่องเที่ยว รวมไปถึงผ่านช่วงฤดูฝนตั้งแต่ปลายเดือน ต.ค.เป็นต้นไป ถือเป็นปัจจัยหนุนยอดขายน้ำมันให้กลับมาฟื้นตัว ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่าจะได้เห็นยอดขาย Q4/2567 เติบโต 8-10% เมื่อเทียบ QoQ นอกจากนี้ Traffic ในการเข้าสถานีบริการที่เพิ่มขึ้น จะเป็นปัจจัยหนุนรายได้จากธุรกิจ Non-Oil เติบโตเมื่อเทียบ QoQ ด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ทางฝ่ายวิจัยเชื่อว่าสมมติฐานค่าการตลาดที่ 1.7 บาทต่อลิตร ยังมีความเป็นไปได้และอยู่ในกรอบเป้าหมายของบริษัทฯ ที่ 1.7-1.8 บาทต่อลิตรในปี 2567 ดังนั้น ฝ่ายวิจัยจึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 12.7 บาท อ้างอิง P/E เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ระดับ -1.0 S.D.ที่ 17.8 เท่า ระยะสั้น มีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของผลประกอบการ Q4/2567 ทำให้ PTG กลับมามีความน่าสนใจในการลงทุน อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์การลงทุนแนะนำทยอยซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวหลังจากที่ราคาหุ้นปรับเพิ่มกว่า 23% ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ตามที่ผู้บริหารบริษัทฯ Guidance Q4/2567 ปริมาณขายน้ำมันเติบโตเมื่อเทียบ QoQ จากอุปสงค์ฟื้นตัวตามฤดูกาล และน้ำท่วมคลี่คลาย คงเป้าหมายทั้งปีเติบโต 10-15% เมื่อเทียบ YoY ขณะที่ QTD ใน Q4/2567 คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นธุรกิจน้ำมันต่อลิตรสูงขึ้นเมื่อเทียบ QoQ จาก 1.65 บาทต่อลิตรใน Q3/2567 และคาดการณ์ทั้งปีเฉลี่ย 1.7-1.8 บาทต่อลิตร ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่า แม้ SG&A จะปรับตัวขึ้นจากค่าใช้จ่ายช่วงปลายปีและการเร่งขยายสาขาธุรกิจ Non-Oil แต่คาดกำไรปกติจะเติบโตเมื่อเทียบ QoQ โดยได้รับปัจจัยบวก จาก 1.) ยอดขายน้ำมันเร่งตัวตามปัจจัยฤดูกาลทั้งกิจกรรมเดินทางท่องเที่ยวช่วงปลายปีและผ่านพ้นฤดูมรสุม 2.) กลยุทธ์บัตรสมาชิก PT Max Card 3.) อานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และ 4.) ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจน้ำมันปาล์มมีโอกาสเร่งตัวจากการพุ่งขึ้นของราคา CPO แตะระดับสูงสุดรอบกว่า 2 ปี 

ทั้งนี้ คาดว่ากำไรปี 2568 ของ PTG จะเติบโตได้ดีเมื่อเทียบ YoY ตามปริมาณสาขาธุรกิจ Oil และ Non-Oil,ภาคท่องเที่ยวขยายตัว,กลยุทธ์ PT Max Card,แรงกดดันค่าการตลาดต่ำลงจากทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกชะลอตัว และเงินบาทแข็งค่า  โดยในช่วง 6 เดือนข้างหน้าคาดผลประกอบการ Q4/2567-Q1/2568 ดีขึ้นตามปัจจัยฤดูกาลนับตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค. ที่ราคาหุ้น -14% ถือว่าสะท้อนความอ่อนแอของ Q3/2567 ไปแล้ว ซึ่งราคาปัจจุบันถือว่ามี Upside gain เปิดกว้าง ทางพื้นฐานปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” ให้ราคาเหมาะสม 11.00 บาท

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนจากความคืบหน้าแผน Spin-off บริษัทลูก 1.ATLAS ธุรกิจ LPG ในปี 2568 (ปัจจุบันยื่น Filing) และ 2.Punthai ธุรกิจร้านกาแฟ ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม Spin-off ในอนาคต

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด คงประมาณการกำไรของ PTG ในปี 2567 ที่ 1,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% YoY จากค่าการตลาดที่ระดับปกติ 1.7 บาทต่อลิตร แม้ Q3/2567 จะเป็นช่วง Low Season หน้าฝน ปริมาณการใช้น้ำมันลดลง นอกจากนี้ ระยะสั้นอาจจะมีความเสี่ยงเรื่องกฎหมายบริหารโครงสร้างราคา ซึ่งอาจจะส่งผลต่อ Margin ต่อลิตรของบริษัทฯ ได้ แต่จะกลับมาโดดเด่นในช่วง Q4/2567 โดย Non-Oil ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปริมาณจำหน่ายน้ำมันต่อสถานีบริการที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบันบริษัทฯ เน้นปริมาณ Traffic ที่จะเข้ามาใช้บริการมากกว่าการขยายจำนวนสถานีบริการ

ดังนั้น ฝ่ายวิจัยจึงคงราคาเป้าหมายปี 2568 ไว้ที่ 11 บาท อิง Avg PER ที่ 14.5 เท่า และคงคำแนะนำ Trading Buy แนวโน้มระยะสั้นอาจจะถูกกดดันจากผลการดำเนินงานที่อ่อนตัว แต่เป็นจังหวะซื้อช่วง Q4 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการบริโภคน้ำมันมากจากช่วงวันหยุดยาว