Phones





GUNKUL คว้า 7 โครงการวินด์ฟาร์ม-โซลาร์เฟส 2 รวม 319 MW

2024-12-18 22:36:09 105



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - GUNKUL ผ่านการคัดเลือกจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเฟส 2 จำนวน 7 โครงการรวม 319 เมกะวัตต์ หนุนกำลังผลิตแตะ 1,800 เมกะวัตต์ พร้อมกางแผนธุรกิจปี 68 โตแกร่ง! รับดีมานด์การใช้ไฟฟ้าขยายตัวเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจ พร้อมประกาศเดินหน้าประมูลโครงการพลังงานทดแทนเพิ่ม ปักหมุดรายได้ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท
 
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในปี 2568 จะยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปี 2567 เนื่องจากภาพรวมตลาดยังมีศักยภาพทั้งงานจากโครงการพลังงานทดแทนรอบใหม่ และงานของภาครัฐที่มีงบลงทุนด้านพื้นฐานเพิ่มเติมตามความต้องการใช้ไฟฟ้า โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2568 เติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปี 2567 ที่รายได้รวมคาดว่าจะเติบโต 15% ซึ่งหลักๆมาจากการเติบโตยังคงมาจากการรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและวางระบบทางด้านวิศวกรรม (EPC) และเทรดดิ้งอุปกรณ์ระบบไฟฟ้า
 
ทั้งนี้ ปี 2568 บริษัทตั้งเป้างานในมือจากธุรกิจ EPC ไว้ที่ประมาณ 4,500 ล้านบาท ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้าวางเป้ากำลังการผลิตเติบโต 35% ใน 2 ปีข้างหน้า หรือเพิ่มประมาณ 100-150 เมกะวัตต์ต่อปี จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าอยู่กว่า 1,500 เมกะวัตต์(MW) โดยล่าสุดสำนักงานกกพ. ได้ประกาศรายชื่อผู้ผ่านคัดเลือกรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเฟส 2 กำลังการผลิตที่เสนอขายรวม 2,145 เมกะวัต์ ซึ่งกลุ่มบริษัทย่อยที่ GUNKUL ถือหุ้นทางตรงผ่านบริษัท กันกุล วิน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และบริษัท กันกุล วัน เอ็นเนอร์ยี9 จำกัด ได้รับการคัดเลือกรวมทั้งสิ้น 319 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นพลังงานลม 284 เมกะวัตต์ และโซลาร์กำลังการผลิต 35 เมกะวัตต์ โดยจะทยอยเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ตั้งแต่ปี 2570-2573 ส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเพิ่มเป็น 1,800 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทตั้งเป้ากำลังผลิตสะสมเพิ่มเป็น 2,000 เมกะวัตต์ในปี 2569 นอกจากนี้บริษัทยังได้ดำเนินการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ต่อเนื่อง ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มและโรงไฟฟ้าพลังงานลม
 
ขณะที่โครงการพลังงานหมุนเวียนจำนวน 832 เมกะวัตต์ ทั้งโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มและโรงไฟฟ้าวินด์ฟาร์ม ที่ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ไปก่อนหน้านี้ จะทยอยเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ตั้งแต่ปี 2569-2573 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนในส่วนนี้ประมาณ 38,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ยังมีเงินลงทุนเพียงพอ และปัจจุบันอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนยังอยู่ในระดับต่ำ พร้อมรองรับการเติบโตในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง
 
“ตามที่ได้มีการประกาศรายชื่อผู้ที่ได้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นนั้น ทำให้บริษัทในกลุ่มของ GUNKUL ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการขายสินค้าในระบบอุปกรณ์ไฟฟ้าและรับเหมาก่อสร้างจะได้รับประโยชน์เพิ่มเติมไปด้วยโดยเฉพาะงานรับเหมาก่อสร้างที่จะได้รับโอกาสทำสายส่งไฟฟ้าและสถานีไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นด้วย อีกทั้งยังมองว่ามองว่าในอนาคตหากประเทศไทยมุ่งไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำและต้องการมีโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้นบริษัทก็ยังมีโอกาสในการที่จะเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานภาครัฐเพิ่มขึ้นรวมถึงภาคเอกชนที่ตอนนี้ก็หันมาใช้พลังงานจากโซล่าเซลล์เพิ่มมากขึ้นจึงเป็นโอกาสที่ธุรกิจโซล่าห์ที่เป็น Private PPA ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน สำหรับโครงการที่บริษัทได้มาใหม่ถ้าอยู่ในกลุ่มหนึ่งเราสามารถเซ็นสัญญาได้ภายใน 14 วันนับจากวันที่ประกาศจึงคาดว่าน่าจะเซ็นได้ภายในต้นปี 2568 หลังจากปีใหม่ ส่วนกลุ่มสอง คาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาได้ภายใน 60 วัน เนื่องจากต้องมี Common Facilities Sharing ตามเงื่อนไขของการไฟฟ้าก่อน” นางสาวโศภชา กล่าว