Phones
หน้าแรก
Stock
เศรษฐกิจมหภาค
แบงก์ - Finance
อสังหาริมทรัพย์ - Marketing
ประกัน - ท่องเที่ยว
Variety
สกู้ป พิเศษ
SET
TIDLOR โชว์ผลงานปี 67 กำไรพุ่งทำนิวไฮแตะ 4.2 พันลบ.
MAI
MOTHER เทรดวันแรกพุ่ง 54.29% ปักธงรายได้ 10 %
IPO
MOTHER พร้อมลั่นระฆังเทรด mai 11 ก.พ.นี้
บล./บลจ
FETCO ดัชนีความเชื่อมั่น 3 เดือนหน้า อยู่ที่ 91.78
เศรษฐกิจ-การเงิน-การคลัง
SCB EIC หวังศก.ครึ่งปีแรกมีแรงส่งจากมาตรการรัฐ
การค้า - พาณิชย์
บสย. ผนึก “เซ็นทรัลแล็บไทย” ส่งเสริม SMEs เข้าถึงสินเชื่อ
พลังงาน - อุตสาหกรรม
‘บางจาก’ ปลื้ม! หุ้นกู้ดิจิทัล ยอดจองเต็ม 3 พันลบ.
คมนาคม - โลจิสติกส์
"สุริยะ" สั่งเตรียมแผนรับนักท่องเที่ยวช่วงฤดูร้อน
แบงก์ - นอนแบงก์
ออมสิน ท็อปฟอร์ม! คว้า 7 รางวัล รสก.ปี67 “ระดับดีเด่น”
ไฟแนนซ์ - ลิสซิ่ง
SAWAD ปลื้ม! ฟิทช์จัดอันดับเครดิตที่ระดับ 'A-(tha)'
SMEs - Startup
Coral ชวนล่างานศิลปะฝาท่อตลอดเส้นเยาวราช
ประกันภัย - ประกันชีวิต
พรูเด็นเชียล ประเทศไทย มอบรางวัล “Prudential Hospital Award 2024”
รถยนต์
ครั้งแรกที่ไทย นับถอยหลัง Countdown “โมโตจีพี”
ท่องเที่ยว
ทีเส็บ เผย 5 ยุทธศาสตร์ ขับเคลื่อนไมซ์ไทยปี 68
อสังหาริมทรัพย์
“ศุภาลัย ให้ยกช่อ” กระตุ้นตลาดบ้านโซนรังสิต
การตลาด
CH ส่ง ‘Bangkok Tasty’ คว้ารางวัล ‘Superior Taste Award 2025’
CSR
Coral ชวนล่างานศิลปะฝาท่อตลอดเส้นเยาวราช
Information
TTB จัดงาน “ทีทีบี อัศจรรย์ เฟสติวัล” มอบโปรโมชันครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์
Gossip
ASIA ดึง SPA เสิร์ฟบริการระดับพรีเมียม
Entertainment
อลิอันซ์ ชี้ระบบบำนาญทั่วโลกต้องมีการปฏิรูปอย่างจริงจัง
สกุ๊ป พิเศษ
CHAYO รุกซื้อหนี้เติมพอร์ต อัพผลงานโตเกิน 20%
GULF ปี 67 รับรู้ Core Profit จำนวน 18,400 ล. โต 18%
2025-02-10 19:33:51
106
sharer
นิวส์ คอนเน็คท์ - GULF รับรู้ Core Profit ปี 2567 จำนวน 18,400 ล้านบาท เติบโต 18% จากธุรกิจพลังงานและส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH ในปี 2568 บริษัทฯ คาดว่ารายได้จะเติบโตขึ้น 20-25%
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF รายงานผลการดำเนินงานปี 2567 โดยมีรายได้รวม (total revenue) เท่ากับ 124,585 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จาก 116,951 ล้านบาท ในปี 2566 และมีกำไรจากการดำเนินงาน (core profit) 18,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จาก 15,644 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา
ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของกลุ่มบริษัทฯ มีสาเหตุหลักมาจากการเติบโตของธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ปลวกแดง (GPD) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า IPP ภายใต้กลุ่ม IPD ที่มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 2,650 เมกะวัตต์ ซึ่งหน่วยผลิตที่ 3 และ 4 (รวม 1,325 เมกะวัตต์) ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในเดือนมีนาคม และตุลาคม 2567 ตามลำดับ ส่งผลให้โรงไฟฟ้า GPD ทั้ง 4 หน่วยเปิดดำเนินการครบตามกำหนดเป็นที่เรียบร้อย นอกจากนี้ โครงการโรงไฟฟ้าหินกอง (HKP) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า IPP กำลังการผลิตติดตั้งรวม 1,540 เมกะวัตต์ ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์หน่วยผลิตที่ 1 (770 เมกะวัตต์) ในเดือนมีนาคม 2567
ขณะเดียวกัน GULF ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไร core profit จากกลุ่ม GJP จำนวน 1,940 ล้านบาท ในปี 2567 เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากปริมาณการขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP จำนวน 7 โครงการ โดยมี load factor เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 72% ในปี 2566 เป็น 79% ในปีนี้ เนื่องจากในระหว่างปี 2566 กลุ่มโรงไฟฟ้าดังกล่าวได้มีการทยอยหยุดซ่อมบำรุง (B-inspection) ตามแผนงาน
อย่างไรก็ตาม ในปี 2567 โครงการโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ศรีราชา (GSRC) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้า IPP ภายใต้กลุ่ม IPD มีกำไรที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน จากการรับรู้ค่าใช้จ่ายบำรุงรักษา (maintenance expense) ของทั้ง 4 หน่วย ที่เริ่มทยอยซ่อมบำรุงระหว่างไตรมาส 3/2566 - ไตรมาส 3/2567 แม้ว่าจะมีปริมาณการขายไฟฟ้าให้ กฟผ. ที่เพิ่มขึ้น โดยมี load factor เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 73% ในปี 2566 เป็น 75% ในปี 2567
นอกจากนี้ กลุ่มโรงไฟฟ้า SPP จำนวน 12 โครงการภายใต้กลุ่ม GMP มีกำไรที่ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน จากอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายไฟฟ้าให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่ลดลงตามราคาค่า Ft เฉลี่ยที่ลดลงในอัตราที่มากกว่าการลดลงของราคาค่าก๊าซธรรมชาติเฉลี่ย โดยค่า Ft เฉลี่ยลดลงจาก 0.89 บาท/กิโลวัตต์-ชั่วโมง ในปี 2566 เป็น 0.40 บาท/กิโลวัตต์-ชั่วโมง ในปี 2567 ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยลดลงจาก 385.4 บาท/ล้านบีทียู ในปี 2566 เป็น 326.1 บาท/ล้านบีทียู ในปีนี้ ประกอบกับขายไฟฟ้าให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมลดลง เนื่องมาจากความต้องการที่ลดลงในกลุ่มลูกค้ายานยนต์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ตาม สัดส่วนของปริมาณการขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมมีเพียง 6% ของปริมาณการขายไฟฟ้าทั้งหมด บริษัทฯ จึงได้รับผลกระทบอย่างจำกัด
ในส่วนของธุรกิจก๊าซนั้น GULF รับรู้ส่วนแบ่งกำไร core profit จากโครงการ PTT NGD จำนวน 1,077 ล้านบาท ในปี 2567 เพิ่มขึ้น 172% จาก 396 ล้านบาท ในปี 2566 โดยมีสาเหตุหลักมาจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จาก 428.8 บาท/ล้านบีทียู ในปี 2566 เป็น 342.9 บาท/ล้านบีทียู ในปีนี้ ในขณะที่ราคาน้ำมันเตาสูงขึ้นจาก 73.2 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ในปี 2566 เป็น 75.7 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ในปีนี้ ซึ่งราคาขายส่วนใหญ่ของโครงการ PTT NGD จะอิงกับราคาน้ำมันเตา ในขณะที่ต้นทุนจะขึ้นอยู่กับราคาก๊าซธรรมชาติ
นอกจากนี้ ในปี 2567 GULF รับรู้ส่วนแบ่งกำไร core profit จากการลงทุนในบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH จำนวน 6,345 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จาก 6,101 ล้านบาท ในปี 2566 โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลประกอบการของ บริษัท แอดวานซ์ อินฟร์ เซอร์วิส หรือ ADVANC ที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นผลจาก ARPU ที่เพิ่มขึ้น จากการมุ่งเน้นจำหน่ายแพ็กเกจที่มีมูลค่าสูงขึ้น ประกอบกับการขยายฐานผู้ใช้บริการและการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ GULF มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในปี 2567 จำนวน 39,934 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับ 35,370 ล้านบาท ในปี 2566 ในขณะที่กำไรสุทธิ (net profit) ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ (รวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน) ในปี 2567 เท่ากับ 18,170 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จาก 14,858 ล้านบาท ในปี 2566
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 GULF มีสินทรัพย์รวม 496,202 ล้านบาท หนี้สินรวม 342,363 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 153,840 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (net interest-bearing debt to equity) อยู่ที่ 1.80 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 1.69 เท่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 จากหนี้สินระยะยาวที่เพิ่มขึ้นจากการออกและจำหน่ายหุ้นกู้จำนวน 45,000 ล้านบาท ในปี 2567
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF เปิดเผยว่า ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ในกระบวนการการควบรวมกิจการกับ INTUCH ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงต้นไตรมาสที่ 2 ปีนี้ โดยบริษัทใหม่ (NewCo) จะมีผลกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจาก NewCo จะมีสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นใน ADVANC เป็น 40.44% จากเดิมถือทางอ้อมในสัดส่วน 19.16% ส่งผลให้ได้รับส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 3,500 ล้านบาทต่อปี ขณะเดียวกัน กระแสเงินสดจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 6,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งสามารถรองรับการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ในอนาคต
นอกจากนี้ ในปี 2568 บริษัทฯ คาดว่ารายได้จะเติบโตขึ้น 20-25% โดยโครงการโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ของบริษัทฯ จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มอีกประมาณ 1,500 เมกะวัตต์ในปีนี้ ได้แก่ โครงการ HKP หน่วยผลิตที่ 2 กำลังการผลิตติดตั้ง 770 เมกะวัตต์ ที่ได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเรียบร้อยตามกำหนดในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (solar farms) และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (solar farms with battery energy storage systems) ภายในประเทศ ที่มีแผนเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มอีก 7 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 597 เมกะวัตต์ ในขณะที่โครงการ solar rooftop ภายใต้ GULF1 คาดว่าจะดำเนินการจ่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าเพิ่มอีกประมาณ 100 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2567 ในอัตรา 1.01 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลต่อกำไรสุทธิเท่ากับ 83% โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 6 มีนาคม 2568
TIDLOR โชว์ผลงานปี 67 กำไรพุ่งทำนิวไฮแตะ 4.2 พันลบ.
COCOCO เซ็น MOU ตั้งโรงงานในฟิลิปปินส์
TGE ลุยโรงไฟฟ้าขยะชุมชน - GFC เปิด 3 สาขาเต็มสูบ ปั้นรายได้โต 20%
GULF ปี 67 รับรู้ Core Profit จำนวน 18,400 ล. โต 18%
TGE เปิดแผนธุรกิจปีมะเส็ง ลุยโรงไฟฟ้าขยะชุมชน – คาร์บอนเครดิต
ตลท.เผยดัชนีหุ้นไทย ม.ค. 68 ปิดที่ 1,314.50 จุด