Phones





ตลท. เผยปี 67 บจ.ไทยจ่ายปันผลกว่า 5.93 แสนล.

2025-03-19 18:03:18 42



นิวส์ คอนเน็คท์ - ตลท. เผยข้อมูล บจ. ไทยปี 67 มีการจ่ายเงินปันผลรวม 864 ครั้ง รวมเป็นเงินจ่ายปันผลกว่า 593,610 ล้านบาท แม้กำไรสุทธิลดลงจากปีก่อน แต่ก็อยู่ในระดับสูง มีกำไรสุทธิรวมกว่า 869,000 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย (ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ) จำนวน 590 บริษัท มีการจ่ายเงินปันผลรวม 864 ครั้ง รวมเงินปันผลจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นรวมกว่า 593,610 ล้านบาท โดยในช่วงเทศกาลจ่ายเงินปันผล คือ ในช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคม 2567 บริษัทจดทะเบียนจ่ายเงินปันผลรวม 538 ครั้ง หรือคิดเป็น 62.3% ของจำนวนการจ่ายเงินปันผลทั้งหมดในปี 2567 โดยเดือนพฤษภาคม มีการจ่ายเงินปันผลมากที่สุดทั้งจากจำนวนครั้งและมูลค่าเงินปันผลจ่าย

สำหรับหมวดธุรกิจที่มีการจ่ายเงินปันผลมูลค่าสูงสุด 3 อันดับแรก ในปี 2567 ยังคงเป็นหมวดเดียวกันกับปี 2566 ได้แก่ หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค หมวดธนาคาร และหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยบริษัทจดทะเบียนในหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค (Energy and utilities sector) จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นด้วยมูลค่ามากที่สุดมีมูลค่ารวมกว่า 170,148 ล้านบาท

ซึ่งหากพิจารณาความสามารถในการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนจากผลประกอบการ ประจำปี 2567 พบว่า บริษัทจดทะเบียนไทย 925 บริษัท ที่รายงานผลประกอบการ มีกำไรสุทธิลดลงจากปีก่อน แต่ก็อยู่ในระดับสูง โดยมีกำไรสุทธิรวมกว่า 869,000 ล้านบาท และพบว่า 67.8% ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด (627 บริษัท) ยังคงมีกำไรสุทธิจากการดำเนินธุรกิจ 

อย่างไรก็ตาม การจ่ายเงินปันผลในปี 2568 นอกจากจะขึ้นอยู่กับผลประกอบการปี 2567 ก็ยังขึ้นอยู่กับผลประกอบการที่เกิดขึ้นในปี 2568 ที่อาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ รวมทั้งนโยบายการจ่ายเงินปันผลและมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของแต่ละบริษัทอีกด้วย
จากข้อมูลสถิติการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (ตลาดหุ้นไทย) พบว่า ในปี 2567 มีการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นรวมสูงถึง 593,610 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 เล็กน้อย และหากพิจารณาการจ่ายเงินปันในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบว่า มูลค่าการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยเติบโตเฉลี่ยปีละ 4.01% ด้วยปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในปี 2566 - 2567 ที่มีรายได้รวมสูงปีละกว่า 18 ล้านล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ถึง 941,000 ล้านบาทและ 870,000 ล้านบาท

ทั้งนี้แม้ว่า ในปี 2567 บริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิรวมน้อยกว่าปี 2566 แต่ก็อยู่ในระดับสูงถึง 869,000 ล้านบาท ขณะที่ SET Index ลดลงไปอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า SET Index อาจลงมาอยู่ในระดับต่ำ อาจเป็นโอกาสของนักลงทุนในการเข้ามาเลือกซื้อหุ้นเพื่อรับเงินปันผล

จากการเคลื่อนไหวของ SET Index ตั้งแต่ตลาดเปิดทำการซื้อขายในปี 2518 ถึงปัจจุบัน พบว่า มีช่วงที่ SET Index แตะที่ระดับ 1,000 จุด ขึ้นไป อยู่ 3 ช่วงเวลา กล่าวคือ ในปี 2533 ที่ SET Index ทำสถิติสูงสุดระหว่างที่แตะ 1,143 จุดในวันที่ 25 กรกฎาคม 2533 ก่อนลดลงมาปิดสิ้นปีที่ 612.86 จุด และในช่วงที่ 2 ในช่วงปี 2538 - 2539 ช่วงก่อนวิกฤติต้มยำกุ้ง และในช่วงที่ 3 ตั้งแต่ปี 2554 ถึงปัจจุบันที่ SET Index มีการเคลื่อนไหวอยู่ในระดับสูงกว่า 1,000 จุด ต่อเนื่องกว่า 15 ปี