Phones





GULFไม่ปรับแผนลงทุน-ยันแตกพาร์หุ้นแน่

2020-03-20 21:00:26 1470




นิวส์ คอนเน็คท์ – GULF ชี้ ยังไม่มีการปรับแผนการลงทุน เดินหน้าลงทุนในต่างประเทศต่อเนื่อง พร้อมเจรจารัฐลงทุนแหลมฉบังเฟส3 เดินหน้าแตกพาร์หุ้น แนะรัฐบาลอัดยาแรง ออกพันธบัตรเตรียมพร้อมการันตีเงินเดือนคนตกงานซับพิษโควิด-19


เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2563 นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 แต่ GULF ยังคงเดินหน้าลงทุนตามแผนเดิม โดยยังไม่มีการปรับแผนการลงทุนแต่อย่างใด ทั้งการลงทุนในไทยและต่างประเทศ แต่อาจจะมีการปรับรูปแบบการทำงานเพื่อลดความเสี่ยงการทำงานในช่วงนี้ เช่น การลงทุนในต่างประเทศ หากมีการติดต่อประสานงานหรือติดตามงาน ก็ใช้ระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ ส่วนในประเทศไทย ก็มีมาตรการให้พนักงงานบางส่วนทำงานที่บ้านโดยสลับการหยุดเพื่อลดความแออัดของออฟฟิศ


สำหรับในปีนี้บริษัทจะใช้เงินลงทุนราว 36,000 ล้านบาท สำหรับทยอยลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) ขนาดกำลังการผลิต 5,000 เมกะวัตต์ รวมถึงทยอยลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน อย่างท่าเรือมาบตาพุดเฟส3 ที่เริ่มดำเนินการถมทะเลแล้ว ส่วนโครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส3 อยู่ระหว่างการรอเจรจากับคณะกรรมการการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน ซึ่งมองว่าการลงทุนต้องเดินหน้าต่อไป เพราะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจจะชะลอการลงทุนใม่ได้

อย่างไรก็ตาม โครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 นั้น กลุ่มกิจการร่วมค้า GPC ประกอบด้วย บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด, บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และ china Harbour Engineer Company Limited เสนอราคาผลตอบแทนแก่รัฐ 12,000 ล้านบาท ขณะที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติวงเงินที่เอกชนจะต้องจ่ายผลตอบแทนให้รัฐที่ประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท เรื่องนี้ต้องมาดูภาพรวมเพราะการประมูลรอบแรกไม่มีผู้เสนอประมูล การประมูลรอบนี้เป็นการประมูลครั้งที่ 2 ผลตอบแทนก็พิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ขณะที่การส่งออกชะลอตัว เงินบาทแข็งค่า จึงเสนอผลตอบแทนที่ต่ำกว่าที่ภาครัฐกำหนด ส่วนการลงทุนในต่างประเทศที่ GULF อยู่ระหว่างดำเนินการอยู่นั้นมีหลายประเทศ เช่น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซ LNG ที่ประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 6,000 MW รวมถึงโครงการก่อสร้างคลังจัดเก็บก๊าซ LNG ก็ยังคงเดินหน้าลงทุนต่อไป


นอกจากนี้ บริษัทยังยืนยันที่จะแตกพาร์ตามแผนโดยจะเสนอการแตกพาร์ต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 8 เม.ย.นี้ เนื่องจากราคาหุ้นขึ้นมาสูง จึงอยากให้นักลงทุนรายย่อยสามารถซื้อหุ้นได้


สำหรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากสถานการณ์ระบาดไวรัส COVID-19 ครั้งนี้ คาดว่าจะรุนแรงกว่าวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 เนื่องจากกระทบมายังผู้ประกอบขนาดกลางและขนาดเล็ก ในขณะที่ต้มยำกุ้ง ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ดังนั้น จึงอยากให้รัฐบาลเตรียมความพร้อมในการรับมือกับวิฤกตเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้น โดยต้องใช้ยาแรงกระตุ้นเศรษฐกิจและดูแลผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เช่น การออกพันธบัตรมาช่วยเหลือสภาพคล่องของผู้ประกอบการและช่วยเหลือคนตกงานที่อาจจะเกิดขึ้น


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews