Phones





BANPU ลุ้นQ1/63ฟื้น กูรูให้เป้าหุ้น10.10บ.

2020-03-25 21:16:16 1344




นิวส์ คอนเน็คท์ – BANPU มั่นใจ ปีนี้ผลงานกลับมาฟื้นตัว รับปัจจัยหนุนธุรกิจไฟฟ้า - ก๊าซธรรมชาติ - พลังงานสะอาด แม้สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย พร้อมปรับแผนรับมือ ด้านกูรูประเมินแนวโน้มไตรมาส 1 ฟื้นตัว โรงไฟฟ้าหงสาเดินเครื่องเต็มกำลังผลิต ให้เป้า 10.10 บาทต่อหุ้น


เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจรแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะจบลงเมื่อใดนั้น กลุ่มบริษัทบ้านปูได้มีการเตรียมแผนรับมือไว้แล้ว ด้วยมาตรการลดต้นทุนการผลิต ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย พร้อมกันนี้ กลุ่มบริษัทบ้านปูยังได้ปิดทำการสำนักงานใหญ่กรุงเทพฯ ที่อาคารธนภูมิ ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. ถึง 12 เม.ย.63 และกำหนดให้พนักงานปฏิบัติงานที่บ้าน ตลอดจนนำระบบการบริหารจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจมาประยุกต์ใช้ในองค์กร การให้บริการลูกค้าและผู้ที่เกี่ยวข้องยังคงเป็นไปตามปกติ


ด้านแหล่งข่าวจาก BANPU กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการนปี 63 ของ BANPU ว่า ยังมั่นใจว่าภาพรวมผลการดำเนินจะกลับมาเติบโตแข็งแกร่ง โดยคาดว่าราคาก๊าซในปีนี้จะปรับตัวมาอยู่ที่ 2.30 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู จากปีจจุบันอยู่ในระดับ 1.8-1.9 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู และยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากกำลังการผลิตก๊าซที่สหรัฐฯ ทั้ง 2 แหล่ง คือ แหล่งบาร์เน็ตและแหล่ง Marcellus กำลังการผลิตรวม 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดยในแหล่งบาร์เน็ตจะเริ่มรับรู้กระแสเงินสดเข้ามาในช่วงเดือน เม.ย.นี้


นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยหนุนจากการลงทุนด้านพลังงานสะอาด และการลงทุนธุรกิจไฟฟ้าที่ผ่านมา โดยธุรกิจโรงไฟฟ้าของบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ที่จะจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในปีนี้จำนวน 4 โครงการ กำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนรวม 451 เมกะวัตต์


ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินหุ้น BANPU ว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/63 คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นเทียบกับไตรมาส 4/62 จากฐานที่ต่ำ เนื่องจากโรงไฟฟ้าหงสา ที่ สปป.ลาว กลับมาเดินเครื่องผลิตครบทั้ง 3 หน่วยตั้งแต่ต้นปี 63 หลังจากได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ขณะที่โรงไฟฟ้า BLCP ที่จังหวัดระยอง ก็กลับมาเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตได้เช่นกัน หลังจากช่วงปลายปีที่ผ่านมาปิดซ่อมบำรุง ส่วนการขนส่งถ่านหินในเหมืองประเทศออสเตรเลียก็ราบรื่นขึ้น หลังจากไฟไหม้ป่าเริ่มคลี่คลาย นอกจากนี้ ยังมีโอกาสบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน สอดคล้องกับค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่าตั้งแต่ต้นปี


อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของปี 63 ประเมินกำไรปกติไว้ที่ 1.5 พันล้านบาท จะลดลงราว 16% เทียบกับช่วงเดียวปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิประเมินไว้ที่ 1,452 ล้านบาท พลิกกลับมาเป็นกำไรจากปี 62 ที่ขาดทุนสุทธิ 552.86 ล้านบาท แม้ราคาถ่านหินกับราคาก๊าซธรรมชาติยังอยู่ในระดับต่ำ แต่การเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจไปสู่พลังงานสะอาด จะเริ่มทยอยเห็นผลตั้งแต่ปีนี้ และจะเติบโตเพิ่มขึ้นได้อย่างชัดเจนในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ยังคงแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 10.10 บาทต่อหุ้น


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews