นิวส์ คอนเน็คท์ - SKY จัดทัพใหม่ เดินหน้า SKY GROUP บุกตลาดต่างประเทศกลางปีนี้ ประเมินสถานการณ์โควิด-19 พร้อมจับมือกลุ่มคิงเพาเวอร์ และเมืองไทยประกันภัย จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 20 ล้านหุ้น มั่นใจปีนี้ยังเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 50%
เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2563 นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ผู้นำการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานความมั่นคงปลอดภัย ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระดับประเทศ กล่าวว่า ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ “The Leader in Digitizing Imagination to Reality” ในปี 2563 นี้ SKY GROUP จะเดินหน้าสร้างการเติบโตด้วยความสามารถที่หลากหลายจากธุรกิจในเครือ ซึ่งประกอบไปด้วย 1. บริษัท จีฟินน์ (ไทยแลนด์) จำกัด ดำเนินธุรกิจ Smart Security Connecting Platform 2. บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด ดำเนินธุรกิจ The Leading Independent Engineering Services Provider 3. บริษัท เรย์ เทล จำกัด ดำเนินธุรกิจ Fast, Accurate, Efficient, and Comprehensive Service และ 4. บริษัท แอสโตร โซลูชั่นส์ จำกัด ดำเนินธุรกิจ Sales & Marketing Arms of Digital Platform
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้เป็นสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งโลก ซึ่งในส่วนของบริษัท เองมีมาตรการรับมือ และติดตามประเมินความเสี่ยงในทุกๆ ด้านอย่างใกล้ชิด โดยในส่วนงานภาครัฐยังมีการขยายตัวและมีการส่งมอบงานตามแผนต่อเนื่อง ส่วนโครงการใหม่ๆ ของภาครัฐที่บริษัทมีความสนใจก็ได้เตรียมความพร้อมหากมีการประกาศให้เข้าร่วมประมูลงาน
ส่วนงานภาคเอกชนบริษัทมีแผนที่จะเปิดตลาด Smart Security Platform และ Facility Management ในกลุ่มอาคารที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน โรงงาน โรงแรม และโรงพยาบาล อย่างเต็มรูปแบบในช่วงไตรมาส 3/2563 นี้ รวมไปถึงการขยาย Smart Security ไปในต่างประเทศ อาทิ ประเทศมาเลเซีย ไต้หวัน สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย เป็นต้น ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพและมีความต้องการด้าน Smart Security อย่างมาก
นอกจากนี้บริษัทจะต่อยอดในธุรกิจ Digital Platform ของ AOT Airports Application เพื่อให้เป็น Platform One Stop Service สำหรับคนไทยทุกคนและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทย นอกเหนือจากการให้บริการในสนามบินแล้วจะขยายการให้บริการไปในส่วนการท่องเที่ยวและประกันการท่องเที่ยว ซึ่งมองว่าเป็นธุรกิจที่มีโอกาสการขยายตัวอย่างมาก ถึงแม้ปัจจุบันจำนวนนักท่องเที่ยวจะน้อยลงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่เชื่อว่าสุดท้ายแล้วเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ภาคเอกชนจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ภาคการท่องเที่ยวจะกลับมาเติบโตมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน โดยยังมั่นใจว่าผลการดำนเนินงานปีนี้จะเติบโตในระดับ 50% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ทั้งนี้จากธุรกิจท่องเที่ยวและประกันฯ ที่ยังมองว่าเป็นธุรกิจที่มีโอกาสการเติบโตสูงในอนาคต และจะเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจให้กับบริษัทนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 จึงมีมติอนุมัติให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวนไม่เกิน 20,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ให้แก่ (1) นางสาวอรุณรุ่ง ศรีวัฒนประภา (2) นางสาวบุศรา อุไรกุล และ (3) บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยจะเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาในวันที่ 28 เมษายน 2563 ซึ่งภายหลังการออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทเพื่อเสนอขายให้แก่นักลงทุนดังกล่าวแล้ว นักลงทุนจะเข้าเป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 3.59 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท
“นักลงทุนทั้ง 3 รายถือเป็นผู้ที่มีความรู้และความชำนาญในธุรกิจการให้บริการท่องเที่ยวและประกันฯ รวมทั้งเข้าใจถึงความต้องการด้านเทคโนโลยีและด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว การเข้ามาร่วมทุนในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยในการให้คำแนะนำที่มีประโยชน์และส่งผลให้การทำงานและการขยายธุรกิจของบริษัท มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เป็นการเสริมความแข็งแกร่งผ่านการเป็นพันธมิตร ซึ่งมองว่าธุรกิจท่องเที่ยวและประกันจะเป็นธุรกิจที่มีโอกาสขยายตัวอย่างมากในอนาคต” นายสิทธิเดช กล่าว
>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews