Phones





BBIK โชว์กำไรครึ่งปีแรกโต 38% แตะ 146 ลบ.

2025-08-13 18:01:24 129



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - BBIK ประกาศผลงานครึ่งปีแรก กวาดกำไรสุทธิ 146 ล้านบาท โต 38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวมอยู่ที่ 712 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% ขณะที่ Backlog อยู่ที่ 1,082 ล้านบาท คาดรับรู้รายได้มากกว่า 755 ล้านบาทในปีนี้
 
เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2568 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน และมีรายได้รวมอยู่ที่ 365 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน ขณะที่ผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกของปี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 146 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน และมีรายได้รวมอยู่ที่ 712 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน แม้มีผลจากการปรับโครงสร้างกลุ่มองค์กรตั้งแต่ต้นปี 2568 ที่มีการย้ายพนักงานส่วนหนึ่งไปเป็นผู้ปฏิบัติการหลักของบริษัทร่วมทุนโดยตรง ทำให้รายได้ส่วนที่เรียกเก็บจากกลุ่มพนักงาน (Secondment) ดังกล่าวลดลง แต่หากพิจารณาเฉพาะรายได้ที่ให้บริการต่อลูกค้าภายนอกยังคงเติบโตถึง 14%
 
ขณะที่มูลค่างานในมือ (Backlog) ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2568 อยู่ที่ 1,082 ล้านบาท โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้มากกว่า 755 ล้านบาทในปีนี้ ประกอบด้วยรายได้จากบริษัทแม่และบริษัทย่อยจำนวน 505 ล้านบาท และจากกิจการร่วมทุนจำนวน 250 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 2569 ถึง 2572
 
“แม้ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และการค้าโลกชะลอตัวในครึ่งปีหลัง แต่บริษัท ประเมินว่าความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการภาษีของรัฐบาลสหรัฐฯที่มีต่อไทย จะทำให้ภาคธุรกิจเร่งปรับตัวเพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขัน ส่งผลให้แผนการปรับใช้เทคโนโลยีและยกระดับประสิทธิภาพการทำงานผ่าน การทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องจะกลับมาดำเนินการตามปกติ รวมถึงการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สามารถรองรับการขยายตัวและเทรนด์การค้าใหม่ ๆ ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ลูกค้าอาจพิจารณาและเลือกลงทุนกับโครงการที่คุ้มค่า สอดรับกับความเชี่ยวชาญและบริการแบบครบวงจรของบลูบิคที่มุ่งเน้นส่งมอบงานที่ตอบโจทย์ธุรกิจอย่างแท้จริง ดังนั้นบริษัทฯ จึงเชื่อมั่นว่าผลประกอบการในครึ่งปีหลังจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง” นายพชร กล่าว
 

สำหรับภาพรวมตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศในประเทศไทยในปี 2568 ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดย การ์ทเนอร์ อิงค์ (Gartner Inc.) คาดการณ์ว่า การใช้จ่ายด้านไอทีในไทยจะขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 7.9% จากปีก่อนหน้า หรือคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 996,000 ล้านบาท โดยกลุ่มที่เติบโตโดดเด่นที่สุด คือ ศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 17% และซอฟต์แวร์องค์กร (Enterprise Software) ซึ่งขยายตัวถึง 16.1% สะท้อนให้เห็นถึงการเร่งปรับตัวของธุรกิจไทยในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและโซลูชันเทคโนโลยี เพื่อรองรับการเติบโตของยุคเศรษฐกิจดิจิทัล
 
ทั้งนี้ บริษัทประเมินว่า กระแสการลงทุนด้านเทคโนโลยีดังกล่าวข้างต้น สอดรับกับทิศทางการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของบริการด้านต่างๆ ของบริษัท โดยเฉพาะงานที่ปรึกษาด้าน Digital Excellence & Delivery และ ERP ที่มีการส่งมอบงานอย่างต่อเนื่องแก่ลูกค้าที่ต้องการระบบที่สามารถรองรับการเติบโตและแข่งขันของธุรกิจ อีกทั้งการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันยังถือเป็นแผนงานที่จำเป็นในหลายกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ สถาบันการเงิน กลุ่มประกันภัย กลุ่มพลังงาน กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต กลุ่มเทคโนโลยีและสื่อสาร รวมถึงภาครัฐ ซึ่งให้ความสำคัญมากขึ้นกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยี ยกตัวอย่างเช่น โครงการ Cloud First Policy (นโยบายรัฐบาลที่สนับสนุนการใช้คลาวด์ในภาครัฐ) และ Virtual Bank ดังนั้นการลงทุนด้านเทคโนโลยีในไทยจึงสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง ส่งผลบวกต่อการดำเนินงานของบลูบิค
 
“บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงมากมายตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่การเติบโตของผลประกอบการอย่างต่อเนื่อง จำนวนพนักงานหลักสิบในวันนั้นจนถึงหลักพันในวันนี้ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในปี 2564 และย้ายเข้าสู่ SET เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาองค์กรเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน บริษัทจึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถก้าวข้ามความท้าทายและบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจในปี 2568 ได้เหมือนที่ผ่านมา” นายพชร กล่าว