Phones





8 โบรกฯ เชียร์ "ซื้อ" NER ราคาเป้าหมายสูงสุด 6.25 บาท

2025-08-27 10:02:48 131



นิวส์ คอนเน็คท์ - 8 โบรกฯ มั่นใจ NER แข็งแกร่ง ผลประกอบการโต ประสานเสียงเชียร์ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมายในช่วง 5.00 - 6.25 บาท ลุ้นรับผลตอบแทนจากเงินปันผลทั้งปีกว่า 7%

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) พาย จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER โดยระบุว่า ภาพรวมยอดขายในปี 2025 มีโอกาสสูงที่จะไม่ถึง 500,000 ตัน ตามที่ผู้บริหารตั้งเป้าไว้ตอนต้นปี โดยตัวเลขที่มีความเป็นไปได้คือ 470,000 ตัน (ครึ่งปีแรกทำได้ประมาณ 238,973 ตัน) ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของปริมาณขายในช่วง 3Q25 เป็นตันไป อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะกดดัน คือ ราคาขายที่มีแนวโน้มลดลงตามทิศทางตลาดโลก สำหรับผลกระทบจากเหตุไฟไหม้ ทางบริษัทมีการทำประกันวงเงินครอบคลุมความเสียหายทั้งหมด ส่วนผลกระทบจากอัตราภาษีของสหรัฐฯ เบื้องต้นคาดว่าไทยยังมีภาษีดีกว่าในเรื่องวัตถุดิบ แต่ต้องติดตามถึงเงื่อนไขเรื่อง Transshipment ว่าจะโดนหรือไม่ ทั้งนี้ ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 6.25บาท ด้วยประเด็นผลตอบแทนเงินปันผลที่คาดว่าทั้งปีจะสูงถึง 8-9% 

บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า บริษัทรายงานกำไรปกติ 2Q25 ที่ 489 ล้านบาท (-17.7% QoQ, -0.6% YoY) ใกล้เคียงกับที่คาด โดยกำไรสุทธิอยู่ที่ 554 ล้านบาท เนื่องจากมีกำไรจากอนุพันธ์และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ส่วนรายได้หลักอยู่ที่ 7,585 ล้านบาท (-12.8% QoQ) จากปริมาณขายที่ลดลง 12.0% แต่รายได้เพิ่มขึ้น 30.6% จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น 23.7% ทั้งนี้ งบดุลยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ DE Ratio อยู่ที่ราว 1.2 เท่า ลดลงจากสิ้นปี 2024 ที่ 1.3 เท่า โดยหนี้สินทรงตัว แต่ส่วนของผู้ถือหุ้นสูงขึ้น ตามทิศทางผลประกอบการที่ยังมีกำไรต่อเนื่อง และบริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 1H25 ที่ 0.05 บาท ให้ผลตอบแทน 1% ขึ้น XD วันที่ 22 ส.ค. โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 6.20 บาท     

บล. ฟิลลิป (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาพื้นฐาน 6.05 บาท โดยคาดกำไรปี 68 โต หนุนจากคำสั่งซื้อล่วงหน้า และแนวโน้ม Demand เร่งตัวขึ้น ตามการเติบโตของอุตสาหกรรมยางล้อจีน นอกจากนี้ มองว่า NER รับ Sentiment เชิงบวกจากข่าวอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยไปสหรัฐฯ จาก 36% มาอยู่ที่ 19%

บล. เอเอสแอล ระบุว่า ผู้บริหารมีการปรับเป้าปริมาณการขายในปีนี้ลง จากเดิม 5 แสนตัน ยอดขาย 3.4 หมื่นล้านบาท มาอยู่ที่ 4.7 แสนตัน ยอดขาย 3.25 หมื่นล้านบาท จากผลกระทบมาตรการภาษีสหรัฐฯ ส่วนประเด็นไฟไหม้โกดังที่เก็บสินค้ามูลค่า 200 -400 ล้านบาท มีประกันเต็มทั้งโครงสร้างและสินค้า บันทึกความเสียหายช่วง Q3 และคาดว่าจะบันทึกประกันช่วง Q4 โดยฝ่ายวิจัยฯ คงประมาณการณ์รายได้ที่ 3.17 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิ 1.92 พันล้านบาท คงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 6.00 (ไม่เปลี่ยนแปลง)

บล. กรุงศรี (มหาชน) คงคำแนะนำ “Buy” ราคาเป้าหมาย 5.85 บาท โดยระบุว่า มีมุมมอง Neutral ต่อกำไรปกติ 2Q25 ของ NER ที่อยู่ 489 ล้านบาท (ทรงตัว y-y, -18%q-q) ใกล้เคียงกับที่ฝ่ายวิจัยฯ และตลาดคาด ปัจจัยกดดันจากต้นทุนยางพาราเพิ่มขึ้นทำให้ GPM ลดลง y-y, q-q อย่างไรก็ตาม ปริมาณการขายและราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น y-y สามารถชดเชยกับราคาต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ทำให้กำไรสามารถทรงตัวได้ y-y แต่ปริมาณและราคาขายลดลง q-q ทำให้กำไรปกติลดลง q-q สำหรับโมเมนตั้ม 3Q25F คาดกำไรปกติเพิ่มขึ้น y-y แต่ลดลง q-q เนื่องจากเป็นไตรมาสที่คาดว่าจะมี GPM ต่ำที่สุดของปีตามปัจจัยฤดูกาล พร้อมกันนี้ มีปันผลระหว่างกาล 0.05 บาท/หุ้น (yield 1.1%) XD 22 ส.ค. 25 

บล. ลิเบอเรเตอร์ คงแนะนำ "ซื้อ" ราคาเหมาะสม 5.70 บาท หลังบริษัทรายงาน 2Q25 กำไรสุทธิ 554 ล้านบาท เป็นไปตามคาด เติบโต +16% y-y แต่หด -9% q-q ส่วนยอดขาย อยู่ที่ 7,585 ล้านบาท (+31% y-y) ปริมาณขาย 111,883 ตัน (+24% y-y) ราคาขายเฉลี่ย 67.8 บาท/กก. เพิ่ม (+6% y-y หากเทียบ q-q พบว่ายอดขายหดตัว -13%) ปริมาณขาย -12% q-q ราคาขาย -1% q-q โดยสัดส่วนยอดขายในประเทศ 75% และส่งออก 25% อัตรากำไรขั้นต้น อยู่ที่ 10.5% ลดเล็กน้อยจาก 10.6% ใน 1Q25 แต่ลดแรงจาก 12.4% ใน 2Q24 ขณะที่ค่าใช้จ่ายขายและบริหารเพิ่ม +41% y-y จากปริมาณขายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ค่าสงเคราะห์เพิ่ม, ค่าขนส่งเพิ่ม และยังมีค่ากิจกรรม CSR อีก 15 ล้านบาท และมีดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มตามเงินกู้เพิ่มขึ้น อีกทั้งมีรายการพิเศษ 65 ล้านบาท (กำไรอัตราแลกเปลี่ยน และการป้องกันความเสี่ยง)

บล. ดาโอ (ประเทศไทย) คงคำแนะนำ “ถือ” และราคาเป้าหมาย 5.00 บาท อิง 2025E PER 5.5x (-0.5SD below 5-yr average PER) โดยคงประมาณการกำไรปกติปี 2025E ที่ 1.7 พันล้านบาท (+1% YoY) สำหรับ 3Q25E เบื้องต้น คาดการณ์แนวโน้มกำไรปกติจะยังชะลอ QoQ จากราคาขายปรับตัวลงตามทิศทางราคายาง รวมถึงปริมาณขายมีโอกาสทรงตัว หลังก่อนหน้านี้ลูกค้าบางส่วนอาจมีการชะลอคำสั่งซื้อเพื่อรอดูสถานการณ์ 

บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ ระบุ แม้ไทยจะได้อัตราภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ใกล้เคียงคู่แข่ง ทำให้ยังมีศักยภาพแข่งขัน แต่มีความเสี่ยงที่มาตรการภาษีของสหรัฐฯ จะทำให้ผู้บริโภคชะลอซื้อหลังราคาสินค้าแพงขึ้น ซึ่งจะกดดันยอดขายยางและศักยภาพทำกำไรให้ชะลอตัวลงได้ อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside ไม่จูงใจพอ จากราคาเป้าหมายปี 2569 ที่หุ้นละ 5.00 บาท (EPS อิงจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากใช้สิทธิแปลงสภาพ NER-W2 ซึ่งมี 308 ล้านหน่วย และกำหนดให้ใช้สิทธิเท่ากัน 3 ครั้งในเวลาที่เหลือ 1.5 ปี พร้อมอิงค่าเฉลี่ย PER ที่ 6 เท่า) กลยุทธ์ลงทุนช่วงสั้น จึงคงแนะนำ Neutral เพราะมีจุดเด่นที่ปันผลสูง โดยคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 2568 หุ้นละ 0.34 บาท คิดเป็น Div. Yield สูงปีละ 7.6% ซึ่งล่าสุดประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 หุ้นละ 0.05 บาท (XD 22 ส.ค.) คิดเป็น Div. Yield 1.1%