Phones





SCC กำไรลดฮวบ - เล็งหั่นเป้ารายได้จากการขาย

2020-04-29 17:19:06 373




นิวส์ คอนเน็คท์ – SCC เล็งปรับรายได้จากการขายลง พร้อมปรับลดเงินลงทุนปี 63 เหลือ 5.5 – 6.5 หมื่นล้านบาท หลังได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ขณะที่กำไรสุทธิไตรมาส 1/63 อยู่ที่ 6.9 พันล้านบาท ลดลง 40% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน


เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2563 นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC เปิดเผยในงานแถลงผลการดำเนินงานไตรมาส 1/63 ว่า ภาพรวมรายได้จากการขายในปี 63 คาดว่าจะลดลงมากกว่าช่วงไตรมาส 1/63 ที่มีรายได้จากการขาย 105,741 ล้านบาท ลดลง 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เริ่มเห็นผลได้อย่างชัดเจนในช่วงเดือน มี.ค. 63 โดยในช่วงในไตรมาส 1/63 มีกำไรสุทธิ 6,971 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 40% และลดลง 2% เทียบกับไตรมาสก่อน โดยลดลงตามผลการดำเนินงานที่ลดลงของธุรกิจเคมิคอลส์ เนื่องจากส่วนต่างราคาสินค้าลดลง และราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ลดลง ตามความต้องการสินค้าในตลาดโลกที่ลดลง

โดยผลกระทบที่เห็นได้ชัดเจน คือ ธุรกิจเคมิคอลส์ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งคาดว่าจะเกิดผลกระทบค่อนข้างมากในระยะถัดไป แต่ธุรกิจเคมิคอลส์ในกลุ่มอาหาร และธุรกิจแพคเกจจิ้ง สามารถขายสินค้าและบริการด้านบรรจุภัณฑ์ครบวงจรได้ตอบโจทย์ และทันต่อความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะจากพฤติกรรมการสั่งอาหารเดลิเวอรี่และการซื้อสินค้าออนไลน์ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เริ่มเห็นผลกระทบในช่วงไตรมาส 1/63 เพราะการก่อสร้างถูกชะลอออกไปทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งอยากให้ภาครัฐเร่งรัดดำเนินการเบิกจ่ายงบในส่วนของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานออกมาเพื่อกระตุ้นความต้องการใช้ซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างเพิ่มขึ้น


ทั้งนี้ จากสถานการณ์ดังกล่าว บริษัทเตรียมปรับประมาณการรายได้จากการขายของปีนี้ใหม่ ซึ่งจะเป็นเท่าไหร่นั้น ยังต้องรอประเมินสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสก่อน โดยรายได้จากการขายเดิมปีนี้ตั้งเป้าใกล้เคียงกับปี 62 ที่มีรายได้จากการขาย 4.38 แสนล้านบาท ทั้งนี้จากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 สภาพการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันนั้น SCC ได้ปรับงบลงทุนลงเหลือ 5.5–6.5 หมื่นล้านบาท จากเดิม 6 – 7 หมื่นล้านบาท


“การลงทุนในช่วงนี้ ต้องใช้ความระมัดระวังให้มากขึ้น ทั้งการลงทุนใหม่ และการซื้อกิจการ ซึ่งต้องประเมินว่าโครงการใดมีความจำเป็นก็ลงทุนต่อ ส่วนโครงการที่ไม่มีความจำเป็น ก็ให้ชะลอออกไป ซึ่ง SCC อยู่ระหว่างการพิจารณา คาดว่าจะมีความชัดเจนในไตร 2/63นี้” นายรุ่งโรจน์กล่าว

ส่วนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ คงต้องเน้นเรื่องการลดค่าใช่จ่าย จัดลำดับความสำคัญทางธุรกิจ เน้นสภาพคล่องทางการเงินเป็นหลัก เน้นการทำงานรวดเร็ว สอดรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เช่น การขายออนไลน์ และนำเทคโนโลยีดิจิทัล และบล็อกเชน เข้ามาใช้ในการทำธุรกิจในขั้นตอนต่างๆ


ขณะที่ความคืบหน้าโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในเวียดนาม (LSP) มูลค่า 5,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.73 แสนล้านบาท ยืนยันว่ายังเดินหน้าก่อสร้างต่อ ปัจจุบันคืบหน้าแล้ว 33-34% แม้ว่าสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 แต่บริษัทมีมาตรการป้องกันในพื้นที่อย่างเคร่งครัด ซึ่งโครงการนี้มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 66


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews