Phones





PTTGC งบ Q1/63ขาดทุน8.7พันล. คาดครึ่งปีหลังฟื้น

2020-05-08 16:46:45 297




นิวส์ คอนเน็คท์ - PTTGC ผลประกอบการไตรมาส 1/63 ขาดทุน 8.7 พันล้านบาท คาดครึ่งปีหลัง 63 ผลงานฟื้นตัว ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย 30-38 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล สเปรดพาราไซลีนดีขึ้น พร้อมปรับแผนลดการผลิตน้ำมันอากาศยาน


เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2563 นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/63 ขาดทุนสุทธิ 8,784 ล้านบาท เนื่องจากรายได้การขายที่ลดลง และมาร์จิ้นธุรกิจปิโตรเคมีลดลง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบดูไบปรับลดลงมากในสิ้นไตรมาส 1/63 ส่งผลให้ขาดทุนสต็อกรวม 8,906 ล้านบาท รวมถึงยังมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนอีก 2,193 ล้านบาท


โดย PTTGC คาดแนวโน้มตลาดและธุรกิจในช่วงครึ่งหลัง 63 ราคาน้ำมันดิบจะเริ่มกลับมาฟื้นตัว โดยประเมินราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 30-38 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ส่วนต่างราคาน้ำมันดิบกับน้ำมันดีเซลจะอยู่ที่ 11-12 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล พร้อมทั้งปรับแผนลดการผลิตน้ำมันอากาศยานจากความต้องการใช้ที่ลดลง และผลิตน้ำมันดีเซลที่ยังมีความต้องการที่ดีอยู่ทดแทน เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และคาดว่าทั้งปี 63 จะมีอัตราการใช้กำลังการกลั่น 97% จากเป้าหมาย 100%


ขณะที่ส่วนต่างราคาน้ำมันเตากำมะถันต่ำ (Low Sulfur Fuel Oil: LSFO) กับน้ำมันดิบดูไบครึ่งปีหลังนี้จะอยู่ที่ 11-12 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และความต้องใช้น้ำมันเตาเกรดกำมะถันสูง (High Sulfur Fuel Oil: HSFO) ยังคงลดลง โดยคาดการณ์ส่วนต่างราคา HSFO กับน้ำมันดิบดูไบครึ่งปีหลังอยู่ที่ -5 ถึง -4 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันแก๊สโซลีนยังได้รับปัจจัยกดดันจากระดับสินค้าคงคลังที่สูงและปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากการโรงกลั่นในภูมิภาคอเมริกาเหนือ คาดการณ์ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ครึ่งปีหลังอยู่ที่ 7-8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล


ด้านส่วนต่าง (สเปรด) ผลิตภัณฑ์พาราไซลีนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้คาดว่าจะฟื้นขึ้นจากอุปสงค์ขั้นปลายน้ำยังเติบโตดี อย่างไรก็ตาม จากตลาดน้ำมันดิบในครึ่งปีหลัง 63 นั้นยังมีความไม่แน่นอนจากการการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะตามเมืองใหญ่ ๆ ซึ่งอาจมีความยืดเยื้อจนส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจของโลก และจะเป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้ สำหรับส่วนต่างราคาเบนซีนและแนฟทาจะอยู่ที่ประมาณ 110-120 เหรียญสหรัฐต่อตัน ทรงตัวจากครึ่งปีแรก 63 เนื่องจากตลาดเบนซีนได้รับปัจจัยสนับสนุนจากกำลังการผลิตใหม่ของผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ เช่น สไตรีนโมโนเมอร์ และฟีนอล สำหรับในปีนี้ บริษัทมีแผนการปิดซ่อมบำรุงเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของหน่วยผลิตอะโรเมติกส์ 2 ในไตรมาส 3/63 คาดการณ์การใช้กำลังการผลิตของปี 63 อยู่ที่ 95%


ส่วนแนวโน้มของสถานการณ์ผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง 63 มีแนวโน้มทรงตัวจากครึ่งปีแรก จากการคาดการณ์ว่าจะมีกำลังการผลิตใหม่ที่ในปี 63 รวมทั้งราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำ คาดว่าราคาเฉลี่ยเม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีน (PE) จะอยู่ราว 740-820 เหรียญสหรัฐต่อตัน และในปี 63 คาดว่าการใช้กำลังการผลิตของธุรกิจโอเลฟินส์จะอยู่ที่ 97%


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews