Phones





CKPชี้ไตรมาส2ฤดูฝน หนุนผลิตไฟเต็มพิกัด

2020-05-13 10:37:24 394




นิวส์ คอนเน็คท์ – CKP มั่นใจผลงานปี 63 เติบโตเหนือกว่าปี 62 หลังรับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี โซลาร์รูฟท๊อปอีกจำนวน 5 โครงการ ยันมีเงินลด 4,547.7 ล้านบาท พร้อมลุยขยายลงทุนต่อเนื่อง ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ขาดทุน 339 ล้านบาท หลังได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง โรงไฟฟ้าน้ำงึม โรงไฟฟ้าไซยะบุรีขายไฟฟ้าลดลง มั่นใจไตรมาส 2 ฟื้นตัวหลังเข้าฤดูฝน


เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2563 นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP เปิดเผยว่า มั่นใจว่าภายรวมผลการดำเนินงานทั้งปี 63 ของ CKP จะเติบโตไม่น้อยกว่าปี 62 โดยในปี 63 จะเป็นปีที่รับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี และโครงการโซลาร์รูฟท๊อปอีกจำนวน 5 โครงการ และมีแผน COD โครงการโซลาร์พื้นดินอีก 1 โครงการในไตรมาส 2/6 ขณะที่ในช่วงฤดูฝนปริมาณน้ำฝนกลับมาสู่สภาวะที่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยปกติ ดังนั้นจะเป็นปัจจัยหนุนต่อผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/63 กลับมาฟื้นตัว

ส่วนผลการดำเนินงานในช่วงในไตรมาส 1/63 CKP และบริษัทย่อย มีรายได้รวม 1,762 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 27 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และขาดทุนสุทธิ 339 ล้านบาท เนื่องจากช่วงฤดูร้อนปีนี้มีฝนตกน้อยกว่าค่าเฉลี่ยปกติค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นสภาวะน้ำแล้งที่ต่อเนื่องส่งผลให้มีปริมาณน้ำฝนต่ำสุดในรอบกว่า 50 ปี และส่งผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าของทั้งโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 ส่งผลปริมาณการขายไฟฟ้าลดลงที่ 353.5 ล้านหน่วย และภัยแล้งยังส่งผลกระทบต่อโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ด้วยเช่นกัน


ขณะที่ปริมาณขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น โครงการที่ 1 (BIC-1) และโครงการที่ 2 (BIC-2) ที่ลดลง 22.4 ล้านหน่วย ในขณะที่โรงไฟฟ้าบางเขนชัยโซลาร์ ซึ่งรวมโครงการโซลาร์รูฟท๊อปทั้งหมด มีปริมาณขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านหน่วย อย่างไรก็ตามกำไรก่อนค่าใช้จ่ายทางการเงิน ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ก่อนรวมส่วนแบ่งกำไร (ขาดทุน) จากเงินลงทุนในกิจการที่ควบคุมร่วมกันและบริษัทร่วม อยู่ที่ 687 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 39% ของรายได้ แสดงถึงกระแสเงินสดที่ยังแข็งแกร่งแม้ผลประกอบการจะได้รับผลกระทบจากสภาวะฝนแล้งก็ตาม


นอกจากนี้ บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดตามงบการเงินรวม ณ วันที่ 31 มี.ค. 63 จำนวน 4,547.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 62 จำนวน 333.5 ล้านบาท และมีอัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ในเกณฑ์ดี โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวมอยู่ที่ 0.65 เท่า เมื่อเทียบกับข้อกำหนดของหุ้นกู้ที่ให้คงอัตราไม่เกิน 3.00 เท่า พร้อมกันนี้บริษัทยังมีวงเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่ยังไม่ได้เบิกใช้รวมกว่า 10,000 ล้านบาท ที่สามารถนำมาใช้ในการลงทุนขยายกิจการทั้งโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ และลงทุนในโครงการใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง



>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews