นิวส์ คอนเน็คท์ - BPP ปี 63 ลุย COD ไฟฟ้าเพิ่ม 424 เมกะวัตต์หนุนผลประกอบการทั้งปีโตแกร่ง ขณะไตรมาส 1/63 EBITDA ยังเติบโต 1,775 ล้านบาท รายได้เพิ่มขึ้น 10% จากโรงไฟฟ้าทุกแห่งมีประสิทธิภาพจ่ายไฟ เดินหน้าขยายลงทุนโรงไฟฟ้าตามแผนดันกำลังการผลิต 5,300 เมกะวัตต์ในปี 68 พร้อมปรับตัวรับกระแส New Normal

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 63 เพิ่มอีก 424 เมกะวัตต์ จากโครงการโรงไฟฟ้าในจีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม และเพื่อดำเนินการให้ได้ตามเป้าหมาย 5,300 เมกะวัตต์ในปี 68 นั้น BPP มีแผนขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งในรูปแบบซื้อกิจการและการลงทุนใหม่ทั้งในและต่างประเทศมีศักยภาพตามกลยุทธ์ Greener & Smarter พร้อมเดินหน้าพัฒนาและก่อสร้างโครงการต่างๆ ให้สามารถ COD ได้ตามแผน ทั้งนี้ในปัจจุบัน BPP มีโรงไฟฟ้าและโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมด 33 แห่ง แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ COD แล้ว 24 แห่ง และอยู่ระหว่างการพัฒนา 9 โครงการ กำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนรวม 2,784 เมกะวัตต์

อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์โควิด-19 อย่างใกล้ชิด และได้เตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้านเพื่อปรับตัวให้ทันกับกระแสของความปกติใหม่ (New Normal) ที่กำลังเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงกับวิถีชีวิตและการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน อีกทั้งยังมุ่งขยายการเติบโตในพอร์ตพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงานเพื่อเสริมธุรกิจผลิตไฟฟ้าให้แข็งแกร่งและสอดรับกับกระแสพลังงานแห่งโลกอนาคต โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (Environmental, Social and Governance: ESG)

ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 1/63 นั้นมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 1,775 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และมีรายได้รวม 1,843 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องมาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีและโรงไฟฟ้าหงสาที่สามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าและจำหน่ายไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงมีอัตราความพร้อมจ่ายสูงถึง 100% และ91% ตามลำดับ

โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมที่ประเทศจีนก็มีผลกำไรที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำในช่วงฤดูหนาวเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการดำเนินงานและความยืดหยุ่นในการบริหารงานแม้ในสภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยหนุนจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศจีนมีรายได้ 89 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนผลการดำเนินงานเพียง 2 เดือน ม.ค.-ก.พ.63 ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรูปแบบส่วนแบ่งกำไรภายหลังการควบรวมเสร็จต้นเดือน มี.ค.63 และรับรู้รายได้จากธุรกิจซื้อขายไฟฟ้า หรือ Energy trading ในประเทศญี่ปุ่นราว 128 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีภายใต้ BANPU NEXT ได้รายงานส่วนแบ่งกำไรจำนวน 32 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนผลการดำเนินงานเพียงเดือน มี.ค. 63 และได้รับส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจร่วมค้าจำนวน 1,104 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews