Phones





RATCHเล็งลงทุนประกอบรถไฟฟ้า

2020-05-14 18:34:10 514




นิวส์ คอนเน็คท์ – RATCH เล็งลงทุนประกอบรถไฟฟ้ามองโอกาสต่อยอดธุรกิจด้านโครงสร้างพื้นฐาน คาดใช้เวลาศึกษา 1 ปี ครึ่งปีหลังไล่ซื้อกิจการโรงไฟฟ้าให้ได้ตามเป้า 800 เมกะวัตต์ ชี้ไตรมาส2 จ่อปิดดดีลอีก2 โครงในต่างประเทศ หวังดันกำลังการผลิตเป็น 10,000 เมกะวัตต์ในปี66


เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างร่วมกับบริษัท เอเอ็มอาร์ เอเซีย จำกัด ศึกษาการลงทุนประกอบรถไฟฟ้า เนื่องจากมองว่าเป็นโอกาสต่อยอดธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน และรองรับระบบรางที่รัฐบาลได้ขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการดำเนินการศึกษาราว 1 ปีถึงจะได้ข้อสรุป โดยภายหลังศึกษาแล้วเสร็จมีความชัดเจนทางกลุ่ม บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ก็พร้อมเข้ามาร่วมลงทุน


ส่วนธุรกิจไฟฟ้ายังคงเดินหน้าลงทุนตามแผน โดยปีนี้มีเป้าหมายที่จะลงทุนซื้อกิจการโรงไฟฟ้าในประเทศและต่างประเทศได้ประมาณ 5 โครงการ กำลังการผลิตรวม 800 เมกะวัตต์ เพื่อให้กำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 เมกะวัตต์ในปี 66 จากปัจจุบันอยู่ที่ 8,716 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 7,159 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 1,556 เมกะวัตต์


ทั้งนี้ในช่วงไตรมาส 1/63 บริษัทสามารถซื้อกิจการโรงไฟฟ้าได้แล้ว 2 โครง ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้าเน็กส์ซิฟ เอ็นเนอร์จี จ.ระยอง กำลังการผลิต 92 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ โดย RATCH ถือหุ้นในสัดส่วน 49% และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม ขนาดกำลังการผลิต 40 เมกะวัตต์ในเขตประกอบการอุตสาหกรรมนวนคร จ.นครราชสีมา มูลค่าโครงการ 2,176 ล้านบาท RATCH ที่หุ้น 40% กำหนด COD ปี 66


ดังนั้นในช่วงครึ่งปีหลัง 63 บริษัทจึงจะต้องดำเนินการเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก 3 โครงการขนาดกำลังการผลิตรวมหลายร้อยเมกะวัตต์ โดยมุ่งเน้นซื้อกิจการในต่างประเทศ เพื่อผลักดันให้กำลังการผลิตเป็นไปตามเป้าหมาย โดยคาดว่าจะซื้อโครงการแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 2/63 ประมาณ 1-2 โครงการ และไตรมาส 4/63 ประมาณ 1-2 โครงการ โดยในปีนี้บริษัทฯเตรียมเงินลงทุนไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นเงินลงทุนในโครงการที่อยู่ในแผนพัฒนาก่อสร้างราว 1 หมื่นล้านบาท ส่วนอีก 1 หมื่นล้านเตรียมไว้สำหรับการเข้าซื้อกิจการ

ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าเซกอง 4 เอ และ 4 บี ที่สปป.ลาว ขนาดกำลังการผลิตรวม 340 เมกะวัตต์ นั้นปัจจุบันได้ยื่นเสนอซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พิจารณาแล้ว คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ อย่างไรก็ตามเพื่อรองรับการลงทุนบริษัทมีแผนออกหุ้นกู้วงเงินรวม 15,000 ล้านบาทคาดว่าจะเริ่มทยอยออกหุ้นกู้ได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/63 ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้เงินลงทุน และมีแผนกู้เงิน 43,000 ล้านบาทเพื่อเป็นวงเงินลงทุนสำรองในกรณีที่ไม่สามารถออกหุ้นกู้ได้


สำหรับความคืบหน้าแผนนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เบื้อต้นบริษัทได้ส่งประเด็ดที่เป็นสาระสำคัญในการซื้อขายให้กับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT แล้ว แต่ก็ต้องรอความชัดเจนนโยบายของภาครัฐในการเปิดเสรีโครงสร้างกิจการก๊าซธรรมชาติของประเทศอย่างเต็มรูปแบบ และต้องดูความชัดเจนโครงสร้างราคาก๊าซฯ ใหม่ก่อน เนื่องจากราคา LNG ในรูปแบบ Spot ถูกลงอย่างมาก ซึ่งจะส่งผลดีต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้า ดังนั้นบริษัทฯจึงมองเห็นโอกาสเพื่อนำเข้า LNG มาใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าหินกอง กำลังการผลิตรวม 1,400 เมกะวัตต์ มีกำหนด COD ปี 2567-2568 เพื่อลดต้นทุนในการผลิตไฟฟ้า


ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 1/63 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 1,360 ล้านบาท ลดลง 21.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,741 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 4,506 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 4,014 ล้านบาท มาจากรายได้จากส่วนแบ่งกำไรกิจการร่วมทุนเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสัดส่วน 32.9% ของรายได้รวม ปัจจัยสำคัญมาจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนหงสาที่มีการเดินเครื่องเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงโรงไฟฟ้าเบิกไพรโคเจนเนอเรชั่น โรงไฟฟ้าพลังน้ำเซเปียนเซน้ำน้อย และโรงไฟฟ้าราชโคเจนเนอเรชั่น ที่จะเริ่มรับรู้รายได้เต็มปีในปีนี้


 


 


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews