นิวส์ คอนเน็คท์ – AOT เสนอแผนธุรกิจ บริหาร 3 สนามบิน "อุดรธานี - บุรีรัมย์ - กระบี่" สัปดาห์หน้า ให้คณะกรรมการพิจารณา ขณะที่แผนพัฒนา 2 สนามบินใหม่ยังไม่คืบ หวังรัฐเปิดน่านฟ้าบินต่างประเทศเดือน ก.ค.นี้

เมื่อวันที่ 26 พฤษถาคม 2563 นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยถึงความคืบหน้าแผนบริหารท่าอากาศยานอุดรธานี บุรีรัมย์ และกระบี่ ที่อยู่ภายใต้กำกับดูแลของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ว่า ในสัปดาห์หน้า AOT เตรียมเสนอแผนธุรกิจ (Business Model) ให้กับคณะกรรมการพิจารณาแผน ที่มีนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน พิจารณา

สำหรับรูปแบบการบริหารนั้น อาจจะเป็นรูปแบบของการจ้างบริหารตามการกำหนดระยะเวลา และมีการกำหนดการันตีผลตอบแทน และส่วนแบ่งรายได้ให้กับกรมท่าอากาศยาน ซึ่ง AOT มีแผนธุรกิจอยู่แล้วว่าจะบริหารท่าอากาศยานอย่างไร โดยไม่ได้แค่เข้าไปบริหารเพื่อให้ได้เงินอย่างเดียว แต่ต้องมีการลงทุนเพื่อพัฒนาท่าอากาศยานเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารในแต่ละสนามบินด้วย ซึ่งต้องดูจุดคุ้มทุนในระยะยาวด้วย

ส่วนการพิจารณาเลือกท่าอากาศยานอุดรธานี บุรีรัมย์นั้น เนื่องจากโครงสร้างน่านฟ้ามีปริมาณเที่ยวบินไม่หนาแน่น และสามารถพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการบินในภาคอีสาน รองรับความแออัดของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ซึ่งต่อไป จากต่างประเทศก็สามารถบินตรงลงที่อุดรธานีและบุรีรัมย์ได้ และสามารถเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้สะดวก โดยภายหลังจากโควิด-19 คลี่คลาย คาดว่าผู้โดยสารจะกลับมาเหมือนเดิม ส่วนความคืบหน้าเรื่องการพัฒนาสนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 และสนามบินภูเก็ต แห่งที่ 2 ที่จ.พังงา นั้นเรื่องยังอยู่ที่ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) หรือ CAAT

พร้อมกันนี้ นายนิตินัย ยังได้ประเมินถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่า คาดว่าเดือน มิ.ย. นี้ การทำการบินภายในประเทศจะเริ่มกลับมาบินได้มากขึ้น ขณะที่การบินระหว่างประเทศ คาดว่าจะเห็นการทำการบินได้ในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. 63 โดยเฉพาะจากประเทศจีน ที่อาจจะเริ่มบินในรูปแบบเช่าเหมาลำ และคาดว่าจะเริ่มกลับมาบินได้ตามปกติหลังมีวัคซีนป้องกัน ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วมองว่าประมาณเดือน ม.ค.-ก.พ. 64 

>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews