Phones





กลุ่มบ้านปูสร้างหอผู้ป่วยวิกฤตระบบการหายใจ รพ.ธรรมศาสตร์กุญแจสำคัญรักษาผู้ป่วยโควิด-19

2020-05-28 15:30:52 346




หากมองย้อนไปถึงวิกฤตการณ์ไวรัสโควิด-19 ประเทศไทยในระยะการแพร่ระบาดที่เริ่มทวีความรุนแรงจนน่าเป็นห่วงเมื่อช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนที่ผ่านมา ถือว่าเป็นบททดสอบชุดใหญ่ของการรับมือของคนไทยทุกคนไม่ว่าจะเป็นบุคคลทั่วไปที่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองเพื่อให้ปลอดภัยไม่ติดเชื้อ ที่สำคัญ คือ บุคลากรทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขทัพหน้าของการต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 และทัพหลังอย่างภาคเอกชนที่ช่วยสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ


กลุ่มบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เป็นอีกองค์กรหนึ่งที่ได้ให้การสนับสนุนทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยได้มอบเงินสนับสนุนจำนวน 30 ล้านบาทแก่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ สำหรับการสร้างหอผู้ป่วยวิกฤตระบบการหายใจแบบความดันลบ (Negative Pressure) และจัดหาเครื่องช่วยหายใจ รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ที่จำเป็นต่อการจัดการโรคอุบัติใหม่นี้ รองรับการดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 เนื่องจากเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลศูนย์กลางที่ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สำคัญของประเทศไทย


คุณชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการ บริษัท บ้านปูฯ กล่าวว่า บ้านปูฯ ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการเป็นองค์กรพลเมืองที่ดีเสมอมาในยามที่ประเทศไทยอันเป็นบ้านเกิดของเราต้องเผชิญวิกฤตเช่นนี้ บ้านปูก็มุ่งหาหนทางที่จะช่วยเหลือและบรรเทาปัญหาต่างๆ โดยเร็ว จากการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด และต่อเนื่อง บ้านปูฯ จึงได้ร่วมมือกับกลุ่มมิตรผล จัดตั้งกองทุน “มิตรผล-บ้านปู รวมใจช่วยไทยสู้ภัย COVID-19” มูลค่ารวม 500 ล้านบาท โดยเป็นการระดมทุนกันบริษัทละ 250 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือองค์กรด้านการแพทย์และสาธารณสุขเป็นลำดับแรกเพราะเป็นภาคส่วนที่มีบทบาทสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วนอย่างมากในการดูแลรักษาผู้ป่วยและควบคุมสถานการณ์ของวิกฤตโควิด-19



นอกจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติแล้ว บ้านปูฯ ยังได้ใช้งบประมาณจากกองทุนฯ เพื่อจัดสรรมอบเงินสนับสนุนแก่โรงพยาบาลและหน่วยงานทางการแพทย์ต่างๆ ในการช่วยเหลือและสนับสนุนอุปกรณ์ที่จำเป็นในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว รวมไปถึงยังได้มอบถุงยังชีพอันประกอบด้วยข้าวของอุปกรณ์ที่จำเป็นในการดำรงชีวิตให้หน่วยงานและประชาชนในจังหวัดต่างๆ อย่างทั่วถึง เพราะบริษัทฯ เล็งเห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นในวงกว้างซึ่งไม่ได้จำกัดแค่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเท่านั้น แต่ยังมีกลุ่มคนอีกหลายกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนจากการตกงาน สภาวะเศรษฐกิจหดตัว ส่งผลให้ขาดรายได้และกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่อีกด้วย โดยตลอดการบริจาคจนถึง ณ วันที่ 16 พ.ค. 63 กองทุนมิตรผล-บ้านปู ได้บริจาคไปแล้วกว่า 200 ล้านบาท


ศาสตราจารย์ ดร. สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานกรรมการบริหาร โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติได้ให้ข้อมูลว่า ห้องความดันลบนั้นมีคุณสมบัติในการปรับความดันอากาศภายในห้องให้เป็น Negative หรือมีแรงดันต่ำกว่าภายนอกห้องจึงทำให้อากาศภายในห้องที่อาจจะมีเชื้อโรคปนเปื้อนไม่สามารถแพร่ออกสู่ภายนอกห้องได้ โดยเดิมโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ มีห้องความดันลบจำนวน 4 ห้องซึ่งไว้ใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อต่างๆ เช่น วัณโรค จนกระทั่งมีโรคอุบัติใหม่นี้ขึ้นมา นับตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงปัจจุบัน ทางโรงพยาบาลได้รับผู้ที่เข้าข่ายสงสัยติดเชื้อมาตรวจคัดกรองทั้งสิ้น 1,018 ราย และมีจำนวนผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ในความดูแลมากถึง 31 ราย



การที่บ้านปูฯ ให้การสนับสนุนสร้างหอผู้ป่วยความดันลบเพิ่มเติมจึงมีคุณประโยชน์อย่างยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ ทั้งเป็นการแยกผู้ป่วยโควิด-19 อย่างเป็นสัดส่วนและยังช่วยให้ทางโรงพยาบาลสามารถนำห้องปกติไปช่วยดูแลผู้ป่วยโรคอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนเครื่องช่วยหายใจก็มีความจำเป็นสำหรับการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีภาวะล้มเหลวจากการหายใจที่เกิดจากปอดอักเสบ ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญเช่นกัน


รองศาสตราจารย์เกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้มองถึงโอกาสการต่อยอดประโยชน์จากห้องความดันลบที่ได้มาจากบ้านปูฯ ในด้านการศึกษาของนักศึกษาแพทย์ เพราะ “ห้องความดันลบ” นับว่าเป็นการลงทุนที่มีมูลค่าสูงมาก ที่ผ่านมาจำเป็นต้องใช้สำหรับรับรองผู้ป่วยโรค ติดเชื้อมาโดยตลอด โดยเฉพาะโรควัณโรค ดังนั้นเมื่อจบวิกฤตโควิด-19 แล้ว จำนวนห้องที่เพิ่มขึ้นจากการบริจาคของบ้านปูฯ นี้จะช่วยเปิดโอกาสให้ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์สามารถประสานความร่วมมือกับทางโรงพยาบาล เพื่อให้นักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยฯ ได้มาเรียนรู้ทำความเข้าใจเครื่องมือที่ครบครันและได้มาตรฐาน