Phones





SPCG ลุยธุรกิจใหม่ อัดงบลงทุนเพิ่ม1หมื่นล.

2020-07-07 14:11:48 467




นิวส์ คอนเน็คท์ - SPCG รุกธุรกิจจำหน่ายอินเวอร์เตอร์ ยึดหัวหาดอินโดจีน ลุยโซลาร์ฟาร์มญี่ปุ่นเพิ่ม จ่ออัดงบลงทุนอีก 10,000 ล้านบาท ซื้อกิจการโรงไฟฟ้า มั่นใจสิ้นปี 63 มีกำลังการผลิตไฟฟ้าทะลุ 500 เมกะวัตต์ หนุนรายได้โต 5.5 พันล้านบาท


เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2563 นางวันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมงบลงทุนเพิ่ม 10,000 ล้านบาท สำหรับร่วมลงทุนในธุรกิจใหม่ และการลงทุนขยายกิจการโครงการโซลาร์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่นเพิ่มอีก 65 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 2 เดือนนี้ จากเดิมปี 63 ตั้งงบลงทุนไว้ 4,000 ล้านบาท ส่งผลให้ปีนี้บริษัทจะต้องใช้งบลงทุนเป็น 14,000 ล้านบาท


ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 360 เมกะวัตต์ ตามสัดส่วนการถือหุ้น ซึ่งรวมกำลังผลิตของธุรกิจติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นการลงทุนในรูปแบบ Private PPA ปัจจุบันมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 35-40 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นภายใต้การดำเนินการของบริษัทโซลาร์ เพาเวอร์ รูฟ จำกัด หรือ SPR ราว 20 เมกะวัตต์ และภายใต้ดำเนินการของบริษัท บริษัท MSEK ราว 15-20 เมกะวัตต์ โดยในส่วนภายรวมธุรกิจ Solar Rooftop บริษัทมีเป้าหมายปี 63 มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 50 เมกะวัตต์


อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่ากำลังการผลิตติดตั้งรวมทั้งโซลาร์ฟาร์ม และโซลาร์รูฟท็อปสิ้นปีนี้ จะมีกำลังการผลิตมากกว่า 500 เมกะวัตต์ และตั้งเป้าหมายในปี 2580 มีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 3,000 เมกะวัตต์ โดยส่วนใหญ่เป็นกำลังการผลิตที่มาจากโครงการโซลาร์ฟาร์ม และโซลาร์รูฟท็อป ขณะเดียวกัน การขยายการลงทุนนั้นยังคงเน้นลงทุนในประเทศญี่ปุ่น และไทยเป็นหลัก โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นที่ประกาศรับซื้อไฟฟ้า (PPA) จากพลังงานทดแทนกว่า 60,000 เมกะวัตต์


ขณะที่ภาพรวมรายได้ปีนี้ คาดว่าจะมีรายได้ 5,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 62 ที่มีรายได้รวม 5,320 ล้านบาท จากเดิมตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 6,700 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การเติบโตในปีนี้ได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา และการให้บริการติดตั้ง (EPC) ซึ่งปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) ราว 400-500 ล้านบาท รวมถึงได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการโซลาร์ฟาร์มทั้ง 36 โครงการรวมกำลังการผลิต 260 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถรักษาความสามารถในการผลิตไฟฟ้าอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 390 ล้านหน่วย จากปี 62 มีความสามารถผลิตไฟฟ้าได้สูงสุดที่ 397 ล้านหน่วย นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการโซลาร์ฟาร์ม Tottori ที่ประเทศญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์

ส่วนธุรกิจตัวแทนจำหน่ายและให้บริการเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) ของ SMA นั้น บริษัท โซล่า เพาเวอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (SPE) เป็นผู้แทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในภูมิภาคอินโดจีน ซึ่งมีทิศทางการเติบโตเป็นอย่างดี เนื่องธุรกิจผลิตไฟฟ้ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะโครงการพลังงานทดแทน ไม่ว่าจะเป็นโซลาร์ฟาร์ม โซลาร์รูฟท็อป พลังงานลม โดยปัจจุบัน นอกจากทำตลาดในประเทศไทยแล้ว ยังได้ขยายตลาดไปยังเป็นเทศเวียดนาม สปป.ลาว กัมพูชา และเมียนมา



>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews