การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก การดำเนินธุรกิจได้รับผลกระทบกันทั่วหน้า บางธุรกิจถึงขั้นปิดกิจการ แต่เมื่อเกิดวิกฤตแล้ว ก็ย่อมมีโอกาสเสมอ หลายบริษัทสามารถปรับตัวและหาวิธีรับมือได้อย่างรวดเร็ว บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO ก็เช่นเดียวกันที่ได้รับผลกระทบ แต่ก็สามารถหาวิธีมารับมือกับวิกฤตนี้ได้
นางจุฑารัตน์ วารีชื่นสุข ผู้จัดการนักลงทุนสัมพันธ์และวางแผน ESSO กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด–19 ส่งผลกระทบในวงกว้างทั่วโลก โดยเอสโซ่ได้รับผลกระทบทั้งในด้านธุรกิจการขายผลิตภัณฑ์ โรงกลั่นน้ำมัน รูปแบบการให้บริการลูกค้า รวมทั้งการทำงานของพนักงาน ในช่วงที่ภาครัฐมีมาตรการล็อคดาวน์ประเทศ มีเคอร์ฟิว ส่งผลให้ความต้องการการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ลดลง โดยโรงกลั่นจำเป็นต้องปรับการผลิตเพื่อให้สอดคล้องกัน
ในส่วนของพนักงานบริษัทเอสโซ่ และเอ็กซอนโมบิลในประเทศไทย ประมาณ 90% ของจำนวนทั้งหมดกว่า 3000 คน ทำงานที่บ้านเป็นระยะเวลาประมาณ 2 เดือน การติดต่อสื่อสาร การประชุม ก็ทำทางอิเลคทรอนิค อย่างไรก็ตาม เมื่อคลายล็อคดาวน์ บริษัทได้เริ่มทยอยให้พนักงานกลับมาทำงานในออฟฟิศกลางเดือนพฤกษาคม และกลับมาทั้งหมดในต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยยังรักษากฏ กติกา ของการเว้นระยะห่าง และสวมหน้ากากอนามัย อย่างเคร่งครัด เราจัดตั้ง Emergency Support Group ในปลายเดือนมกราคม เพื่อดูแลภาพรวมในการรับมือ การป้องกันและแก้ปัญหา ขณะเดียวกัน บริษัทได้ใช้ Business Continuity Plan (BCP) เพื่อให้การทำงานในทุกภาคส่วนดำเนินได้อย่างต่อเนื่องในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ
นอกจากนี้ ในสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่ได้จัดทำโครงการ “ห่ า ง. . .แต่ห่วง” โดยได้ทำการสื่อสารให้กับผู้บริหารและพนักงานที่สถานีบริการน้ำมันเอสโซ่ทั่วประเทศ ให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ ในการดูแลสุขอนามัยและความสะอาดภายในสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ
พร้อมกันนี้ ในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาดหนัก เอสโซ่ยังได้จัดกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือลูกค้าและประชาชน เช่น การแจกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือให้กับลูกค้าเติมน้ำมันเอสโซ่ซูพรีมพลัส การแจกหน้ากากผ้า 4,000 ชิ้น แจก Face Shields จำนวน 2,000 ชิ้น ให้กับโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ และใกล้เคียง มอบอุปกรณ์ PPE ให้กับโรงพยาบาลหลายแห่ง
Business Resilience ฝ่าวิกฤตโควิด
จากนโยบายท่านประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัทเอสโซ่ฯ ดร.อดิศักดิ์ แจ้งกมลกุลชัย ได้ให้แนวทางเน้นความสำคัญในเรื่องของ Business Resilience คือ การปรับตัวเพื่อพลิกฟื้นสถานการณ์การดำเนินงานและในเชิงรุกมากขึ้นโดยในช่วงโควิด -19 ยอดขายลดลงค่อนข้างมาก จากการจำกัดการเดินทาง แต่หลังจากที่คลายการล็อกดาวน์แล้ว ความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมันกลับมาค่อนข้างเร็ว ซึ่งแผนการทางธุรกิจของสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่ยังคงดำเนินงานที่จะเพิ่มการขยายจำนวนสถานีบริการอย่างต่อเนื่อง ณ สิ้นเดือนมิถุนายน มีสถานีบริการเอสโซ่ จำนวน 654 แห่ง บริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มเป็นกว่า 670 แห่งในสิ้นปีนี้ และให้ถึง 700 สถานีบริการในปีหน้า
นอกจากนี้ เอสโซ่ยังให้ความสำคัญต่อการรักษาฐานลูกค้าผ่านทางกิจกรรมการตลาด และเน้นขยายการขายผลิตภัณฑ์น้ำมันคุณภาพเกรดพรีเมี่ยม ภายใต้ชื่อซูพรีมพลัส และมีโปรโมชั่นพิเศษมากมายสำหรับลูกค้าและสมาชิกเอสโซ่ สไมล์อย่างต่อเนื่อง
การปรับตัวยุค New Normal
บริษัทติดตามความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่จะปรับเปลี่ยนไปในยุค New Normal และจะปรับแผนการตลาดให้ตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว สร้างมูลค่าสูงสุด และประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ซึ่งจะมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ เช่น การจ่ายเงิน การสะสมแต้ม การแลกส่วนลด โดยไม่ต้องสัมผัส (contactless) เราจะเพิ่มช่องทางการชำระเงินผ่าน QR Payment ที่สถานีบริการเอสโซ่พร้อมกันทั่วประเทศเพื่อลดการสัมผัสเงินสด
บริษัทมีการพัฒนา LINE official account ชื่อ LINE @EssoThailand เพื่อให้บริการลูกค้าได้มากขึ้น เช่น การค้นหาที่ตั้งสถานีบริการเอสโซ่ตามพื้นที่ต่างๆ การให้ความช่วยเหลือกรณีรถเสียฉุกเฉินบนท้องถนน เอสโซ่มีระบบ Customer Experience Digital Platform ใช้เทคโนโลยีประมวลข้อมูลช่วยในการทำงานและการวิเคราะห์ลูกค้า เพื่อให้คู่ค้าธุรกิจกับเราทราบถึงไลฟ์สไตล์ และ สามารถให้บริการที่เข้าถึงลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
ด้านธุรกิจน้ำมันเครื่องในแบรนด์โมบิล (Mobil) ก็ได้มีการเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยด้วยอุปกรณ์ฆ่าเชื้อ ทั้งที่ศูนย์โมบิล 1 เซ็นเตอร์ และ โมบิลเอ็กซ์เพรส
ทรัพยากรบุคคลเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากที่สุดของบริษัท โดยให้ความสำคัญต่อการพัฒนาบุคลากร มีทั้งด้านการฝึกอบรมและโอกาสในการทำงานที่หลากหลายเพื่อเสริมสร้างประสบการณ์และแสดงศักยภาพสูงสุดให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ ต้องมี reskill และ/หรือ upskill ตลอดเวลา
นอกจากนี้ ยังได้นำระบบการทำงานแบบ Agile เข้ามาใช้ เพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว สิ่งสำคัญคือทุกคนในองค์กรเข้าใจลำดับความสำคัญของงาน มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนเพื่อตอบสนองกับความต้องการของลูกค้าและตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป.
>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews