Phones





BANPU เน้นการลงทุนที่สร้างกระแสเงินสดทันที

2020-08-13 13:38:46 502




นิวส์ คอนเน็คท์ - BANPU ชี้ ผลประกอบการครึ่งแรกปี 63 ยังมีเสถียรภาพ รายได้ 35,554 ล้านบาท พร้อมเน้นการลงทุนที่สร้างกระแสเงินสดทันที


เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2563 นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจรแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งปีแรก 63 ภายใต้วิกฤตโควิด-19 BANPU ได้สร้างเสถียรภาพด้านผลประกอบการและความมั่นใจต่อผู้ถือหุ้นและนักลงทุนได้พยายามทุกวิถีทางในการสร้างการเติบโตและความยั่งยืนทางธุรกิจไปพร้อม ๆ กัน


โดยได้ดำเนินมาตรการระยะสั้นที่มีประสิทธิภาพและหลากหลาย ได้แก่ การดำเนินมาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ และบริษัทในเครือลงร้อยละ 20 การชะลอการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีความเสี่ยงสูง เน้นการทำธุรกิจในประเทศที่มีโอกาสทางธุรกิจสูงและมีความเสี่ยงทางการเงินต่ำ การซื้อขายที่มีสัญญาประกันราคาขาย เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนต่าง ๆ ตลอดจนการเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานลมเอลวินหมุยยิน (El Wind Mui Dinh) ในประเทศเวียดนาม มูลค่าการลงทุนจำนวน 66 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,038.74 ล้านบาท) โดยเป็นโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว จึงช่วยเพิ่มรายได้และกระแสเงินสดจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียนให้กับบริษัทฯ ได้ภายในปีนี้



นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ (Barnett) ในสหรัฐอเมริกา ที่ปรับเปลี่ยนวันปิดรายการจากภายในวันที่ 31 ธ.ค. 63 เป็นวันที่ 1 ต.ค. 63 ซึ่งช่วยเพิ่มกำลังการผลิตและเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจก๊าซธรรมชาติของบ้านปูฯ ได้อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้บ้านปูฯ สามารถรับรู้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของแหล่งบาร์เนตต์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 62 หรือเร็วขึ้น 1 ไตรมาส


พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังดำเนินมาตรการลดรายจ่ายในการลงทุน (CAPEX) และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลง เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้เชื้อเพลิงที่ลดลงในภาคอุตสาหกรรมในช่วงโควิด-19 ทำให้มีอุปทานในตลาดสูงและราคาขายเฉลี่ย (Average Selling Price: ASP) ของถ่านหินลดลง อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่าแนวโน้มในครึ่งปีหลังจะกลับมาดีขึ้นในระดับใกล้เคียงกับปีที่แล้ว หลังจากเศรษฐกิจในประเทศต่าง ๆ เริ่มฟื้นตัว ขณะเดียวกัน BANPU ได้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการผลิตในธุรกิจถ่านหินได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ส่วนกลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน ยังคงดำเนินงานได้ตามปกติ สามารถสร้างกระแสเงินสดและผลกำไรที่แข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ ได้อย่างต่อเนื่อง โดยโรงไฟฟ้าบีแอลซีพียังคงเดินเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากรายงานดัชนีค่าความพร้อมจ่าย (Equivalent Availability Factor: EAF) เต็มร้อยละ 100 ส่วนโรงไฟฟ้าหงสา อยู่ที่ร้อยละ 63 เนื่องจากมีการหยุดเดินเครื่องของหน่วยผลิตที่ 3 ในช่วงระหว่างปลายเดือนเมษายนถึงเดือนสิงหาคม เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและความสามารถในการเดินเครื่องในระยะยาว หลังพบความผิดปกติของบางอุปกรณ์ในเครื่องจักร โดยปัจจุบันโรงไฟฟ้าหงสาหน่วยผลิตที่ 3 ได้กลับมาเดินเครื่องอย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศจีนและญี่ปุ่น สามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีเสถียรภาพ รวมถึงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวงในจีนนั้น ก็มีการดำเนินงานคืบหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 83 และคาดว่าจะแล้วเสร็จตามกำหนด พร้อมสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้


สำหรับกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ยังคงดำเนินงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และยังมีการขยายพอร์ตเทคโนโลยีพลังงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นทางเลือกที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกภาคส่วน รวมทั้งยังเป็นกลุ่มธุรกิจที่สะท้อนความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะมีส่วนรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในทุกประเทศที่บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจ โดยมีธุรกิจระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาเป็นธุรกิจหลักที่ช่วยสร้างรายได้ ด้วยกำลังการผลิตที่ 172 เมกะวัตต์ และมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการคิดค้นและให้บริการโซลูชันด้านเทคโนโลยีพลังงานเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เป็นทั้งในระดับธุรกิจ อุตสาหกรรม และบุคคล เช่น การเปิดเส้นทางใหม่ของบริการรถตุ๊กตุ๊กพลังงานไฟฟ้า MuvMi เพิ่มเติม การเปิดตัว "อีเฟอร์รี่" เรือท่องเที่ยวไฟฟ้าทางทะเลลำแรกของไทยเมื่อเร็วๆ นี้



“ท่ามกลางความท้าทายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 บ้านปูฯ ยังคงสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการยึดหลักกลยุทธ์ Greener & Smarter และเทรนด์ 3Ds ซึ่งประกอบด้วย การกระจายตัวการผลิตและจำหน่ายพลังงานแบบไม่รวมศูนย์ (Decentralization) การใช้พลังงานที่ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonization) และการใช้เทคโนโลยีดิจิตอล (Digitalization) ทั้งนี้ เรายังเน้นการทำงานด้วยแนวคิด ‘Working Agility’ และค่านิยมองค์กร ‘Banpu Heart’ ซึ่งเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้บ้านปูฯ มีความพร้อมในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและสามารถผ่านวิกฤติต่าง ๆ มาได้อยู่เสมอ” นางสมฤดี กล่าว


ขณะที่ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 63 BANPU มีรายได้จากการขายรวม 1,151 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 36,334.10 ล้านบาท) โดยมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 235.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 7,286.95 ล้านบาท) และขาดทุนสุทธิ 23 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 801.70 ล้านบาท) ทั้งนี้ มีสาเหตุหลักจากราคาเชื้อเพลิงที่อ่อนตัวลง ประกอบกับค่าเงินบาทที่แข็งตัวอย่างรวดเร็วในไตรมาสนี้ นอกจากนี้ยังมีรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากการเปลี่ยนสภาพสัดส่วนในห้างหุ้นส่วนจำกัด BKV Oil & Gas Capital Partners, L.P. เป็นผู้ถือหุ้นใน BKV Corporation ซึ่งได้จดทะเบียนจัดตั้งในวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 การปรับโครงสร้างดังกล่าวช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารงานกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติของบ้านปูฯ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถรองรับกับการสร้างการเติบโตในอนาคต โดยรายการดังกล่าวเป็นรายการที่ไม่ใช่เงินสด จึงไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสด และการจ่ายปันผลของบ้านปูฯ แต่อย่างใด


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews