นิวส์ คอนเน็คท์ – GULF ชี้ผู้ถือหุ้นอนุมัติขายหุ้นเพิ่มทุน 1.06 ล้านหุ้น คาดได้เงิน 3 หมื่นล้านบาทหนุนฐานการเงินแข็งแกร่งลุยพัฒนาโครงการในมือ 7, 976 เมกะวัตต์ พร้อมขยายการลงทุนใหม่ใน เอเชีย ยุโรป อเมริกา มั่นใจรายได้ปีนี้โต 15% ตามเป้า

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2563 นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยภายหลังการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ว่า ผู้ถือหุ้นอนุมัติแผนเพิ่มทุน 1,066.65 ล้านหุ้น ซึ่งคาดว่าจะระดมทุนได้ราว 30,00 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อรองรับการขยายลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่และโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาน รวมถึงช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับฐานการเงินแข็งแกร่งขึ้นอีก 1.1 แสนล้านบาทรองรับการขยายการลงทุนได้ในช่วง 5 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้การเพิ่มทุนนั้นจะใช้ในการลงทุนต่อเนื่องโครงการที่มีอยู่ในมือ โดยปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตที่มีอยู่ในมือ 14,385 เมกะวัตต์ โดยแบ่งกำลังการผลิตไฟฟ้าที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) 6, 409 เมกะวัตต์ และโครงการที่อยู่กำลังพัฒนา 7, 976 เมกะวัตต์ โดยในจำนวนนี้คาดว่าจะทยอย COD ตั้งแต่ปี 64-70 นอกจากนี้การเพิ่มทุนในครั้งนี้ยังใช้สำหรับลงทุนในโครงการใหม่ โดยมองหาโอกาสการลงทุนในประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ลาว เวียดนาม

รวมถึงลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นโครงการท่าเรือแหลมฉะบังเฟส3 ท่าเรือมาบตาพุต เฟส3 การลงทุนในโครงการติดตั้งระบบบริการจัดเก็บค่าผ่านทางและบำรุงรักษา (O&M) โครงการมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-นครราชสีมา M6 ระยะทาง 196 กิโลเมตร (กม.) และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี M9 ระยะทาง 96 กม. รวมถึงการชำระคืนหนี้

นอกจากนี้หลังการเพิ่มทุนจะทำให้หนี้สินต่อทุน (D/E) กลับมาอยู่ในระดับ 1.7-1.8 เท่า เท่ากับช่วงสิ้นไตรมาส 2/63 จากนี้ถ้าไม่มีการเพิ่มทุน D/E จะเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/63 เพราะมีการกู้เงินระยะสั้นเพื่อมาใช้รองรับการเข้าซื้อโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเยอรมนีขนาด 464.8 เมกะวัตต์ และหากภายใน 2-3 ปีนี้ไม่ดำเนินการอย่างใด D/E จะพุ่งขึ้นเป็น 3 เท่า ดังนั้น บริษัทจึงตัดสินใจเพิ่มทุนเพื่อทำให้โครงสร้างทางการเงินมีความแข็งแกร่งขึ้น

อย่างไรก็ตามการเพิ่มทุนในครั้งนี้มั่นใจว่าจะสำเร็จหลังจากที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่หลายรายให้ความสนใจจองซื้อเกินสิทธิ์ที่กำหนดจัดสรรหุ้นเพิ่มให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 30 บาท พร้อมทั้งเชื่อมั่นว่ากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) จะเติบโตได้หลังเพิ่มทุน จากการที่นำเงินเพิ่มทุนส่วนหนึ่งไปใช้รองรับการเข้าซื้อหุ้น 50% ในโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขนาด 464.8 เมกะวัตต์ ในเยอรมนี โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4/63 และจะสร้างกำไรเข้ามาราว 1.5-2.0 พันล้านบาทต่อปี และมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ราว 10-15%

ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 63 ยังมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 15% เทียบกับปี 62 ที่มีรายได้ 34,552 ล้านบาท และในปี 64 เป้ารายได้เติบโต 50% จากการรับรู้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเยอรมนีเต็มปี และการเปิดดำเนินเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้า IPP GSRC จ.ชลบุรียูนิตแรก ในปี 64 และยูนิต 2 ในปี 65 โดยมีกำลังผลิตรวมราว 2,500 เมกะวัตต์

>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews