นิวส์ คอนเน็คท์ - กฟผ. จับมือเครือข่ายพันธมิตรรวม 11 องค์กร นำโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชนให้แข็งแกร่ง มุ่งสู่การเป็นกิจการเพื่อสังคม หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน
ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวปาฐกถาหัวข้อ “ชุมชนเข้มแข็ง สังคมก้าวหน้า ร่วมพัฒนาอย่างยั่งยืน” ในงานสรุปผลงานโครงการ “ผนึกกำลัง Big Brothers นำชุมชนสู่กิจการเพื่อสังคม ปีที่ 4” ว่า ชุมชนเปรียบเหมือนรากแก้วที่คอยหล่อเลี้ยงต้นไม้ให้เติบโต ทุกองค์กรจึงต้องดูแลและช่วยเหลือชุมชนให้มีความเข้มแข็ง ประเทศชาติจะอยู่ได้เติบโตอย่างยั่งยืน ดังนั้นการพัฒนาชุมชนในรูปแบบกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise : SE) จึงไม่ใช่เพียงแค่มารยาทในการทำธุรกิจ แต่เป็นความรับผิดชอบทางสังคม (Social Responsibility) ที่ทุกองค์กรต้องทำเพื่อให้ชุมชนอยู่ดีมีสุข เพราะประเทศชาติจะอยู่ได้ถ้าชุมชนอยู่รอด ซึ่งสุดท้ายแล้วผลพลอยได้จะเป็นความก้าวหน้าทางธุรกิจของตนเอง จึงขอเชิญชวนให้องค์กรต่างๆ มาร่วมเป็นสมาชิก Big Brothers จาก 11 องค์กร ให้เป็น 110 และ 1,100 องค์กร เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน ซึ่งเป็นรากแก้วของประเทศให้ยั่งยืนต่อไป
นายพัฒนา แสงศรีโรจน์ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ. ได้ร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรรวม 11 องค์กร จากภาครัฐและเอกชน นำโดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และ วช. ดำเนินโครงการ “ผนึกกำลัง Big Brothers นำชุมชนสู่กิจการเพื่อสังคม” เข้าสู่ปีที่ 4 เพื่อผลักดันและขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชนในรูปแบบ SE ด้วยการเป็นพี่เลี้ยงช่วยเหลือชุมชนให้มีกิจการที่สร้างรายได้จากการผลิตหรือจัดจำหน่ายสินค้าและบริการของชุมชน
โดยในปีนี้เครือข่ายพันธมิตรได้เตรียมเปิด “ตลาดปันสุข” จัดจำหน่ายสินค้า จำนวน 3 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 จัดระหว่างวันที่ 21 – 24 กันยายน 2563 และครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 11 – 16 พฤศจิกายน 2563 ณ เซ็นทรัลพลาซา ระยอง ส่วนครั้งที่ 3 จัดระหว่างวันที่ 24 – 29 พฤศจิกายน 2563 ณ เซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยา บีช ซึ่งหวังว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ และสามารถยกระดับชุมชนให้มีความยั่งยืน สอดคล้องกับการดำเนินโครงการของ กฟผ. กับชุมชนทั่วประเทศ
ทั้งนี้โครงการดังกล่าวสอดคล้องกับการดูแลสังคมและชุมชนให้อยู่ดีมีสุข เป็นหนึ่งในภารกิจของ กฟผ. ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อตั้งองค์กร ทั้งในมิติด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของรัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวปฏิบัติ พร้อมทั้งส่งเสริมให้ชุมชนที่ตั้งอยู่บริเวณรอบโรงไฟฟ้าและเขื่อนของ กฟผ. ได้เข้าอบรมและศึกษาดูงานด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และทำการตลาดเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่ของตนเองจนสามารถพึ่งพาตนเองได้ และสามารถต่อยอดการดำเนินงานโดยจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนหลายแห่งทั่วประเทศ อาทิ วิสาหกิจชุมชนรอบพื้นที่โรงไฟฟ้าบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ชุมชนร่วมกันเฟ้นหาจุดเด่นของทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ และนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย เช่น เค้กชะคราม ทำจากสมุนไพรทรงคุณค่าในป่าชายเลน และ ปลากะพงขาวเลี้ยงกระชัง จากโครงการส่งเสริมการเลี้ยงปลากะพงแบบเศรษฐกิจพอเพียงปากแม่น้ำบางปะกง รวมถึงผลิตภัณฑ์จากชุมชนรอบโรงไฟฟ้าพระนครใต้ จังหวัดสมุทรปราการ เช่น ‘ผ้าพันคอ’ ผลิตภัณฑ์ผ้ามัดย้อมสีเปลือกจาก และเห็ดนางฟ้าภูฐาน ซึ่งล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม สามารถสนับสนุนให้ก้าวสู่การเป็นกิจการเพื่อสังคม
นอกจากนี้ กฟผ. ได้เพิ่มช่องทางการขายผลิตภัณฑ์ชุมชนในรูปแบบออนไลน์ โดยผู้สนใจสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ทาง Facebook Fanpage “ตลาดนัดเอนจี้ ของดีทั่วไทย”