นิวส์ คอนเน็คท์ - NER ตั้งเป้ารายได้ปี 64 แตะ 2 หมื่นล้านบาท กำไรทะลุ 1 พันล้านบาท อัพกำลังผลิตรวมกว่า 5 แสนตัน/ปี ซุ่มดีลพันธมิตรขายหุ้น PP กว่า 154 ล้านหุ้น อัดงบลงทุน 220 ล้านบาท ผลิตสินค้าไฮมาร์จิ้นบุกแดนจิงโจ้

เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2563 นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 64 จะเติบโตอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท และกำไรสุทธิคาดเติบโตมากกว่า 1,000 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทยังมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทเตรียมขยายกำลังการผลิตในโรงงานใหม่เพิ่มขึ้น โดยตั้งงบลงทุนในปี 64 ประมาณ 60 ล้านบาท เพื่อใช้ในการติดตั้งเครื่องจักรใหม่ที่ ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตในโรงงานแห่งใหม่เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 30% จากเดิมอยู่ที่ 172,700 ตันต่อปี ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 4/63 ส่งผลให้กำลังการผลิตรวมทั้งสองโรงงานมากกว่า 500,000 ตันต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 400,000 ตันต่อปี

รวมถึงอยู่ระหว่างเตรียมการลงทุนโรงงานผลิตแผ่นปูนอนสำหรับสัตว์ ด้วยงบลงทุนราว 220 ล้านบาท โดยจะมีกำลังการผลิตราว 1.5 ล้านแผ่นต่อปี ซึ่งบริษัทมีแผนจะบุกตลาดที่ประเทศออสเตรเลียเป็นหลัก เนื่องจากมีจำนวนโคนมกว่า 300 ล้านตัว เมื่อเทียบกับในประเทศไทยมีเกษตรผู้เลี้ยงโคนมจำนวน 750,000 ตัว รวมถึงประเทศไทยมีข้อตกลงด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่จะช่วยให้บริษัทสามารถแข่งขันได้ โดยบริษัทตั้งเป้าจะมียอดขายอย่างน้อย 1 ล้านแผ่น ในปี 65 แต่อย่างไรก็ตาม​ บริษัทต้องติดตามสถานการณ์โควิด-19 ก่อน เนื่องจากบริษัทต้องไปดูระบบการผลิตของเครื่องจักรใหม่ที่ประเทศไต้หวันก่อน ซึ่งหากเดินทางไปดูเครื่องจักรเรียบร้อยแล้ว​ คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1 ปี

ขณะเดียวกัน​ บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรในประเทศญี่ปุ่น และจีน โดยจะเสนอขายหุ้นแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ในจำนวน 154 ล้านหุ้น เพื่อขยายการเติบโตในอนาคต รวมถึงเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท ซึ่งช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการขายหุ้นให้กับบริษัท Daiwa Fund Consulting Co.Ltd. นักลงทุนสถาบันจากประเทศญี่ปุ่น ต้องการที่จะซื้อหุ้นจำนวนดังกล่าวทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตาม​ บริษัทมองว่าเป็นความเสี่ยงในการเข้าถือหุ้นจำนวนมากจนเกินไป จึงมองหาพันธมิตรที่จะช่วยให้กิจการมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้​ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในไตรมาส 4/63

สำหรับผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/63 คาดว่ารายได้จะทำสถิติสูงสุดในปีนี้ เนื่องจากกำลังการผลิตใหม่ที่เข้ามารวม 172,800 ตัน/ปีนั้น ซึ่งบริษัทได้ขายสินค้าล่วงหน้าไปแล้วเกือบทั้งหมด รวมทั้งมีราคาที่สูง หลังจากราคายางเริ่มมีเสถียรภาพที่ดีขึ้น จากมาตรการสนับสนุนของภาครัฐบาล ที่ครอบคลุมทั้งโรงงานอุตสาหกรรม ผู้ส่งออก และชาวเกษตร ซึ่งคาดว่าราคายางจะไม่ต่ำกว่า 50 บาทต่อกิโลกรัม จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 55 บาทต่อกิโลกรัม

>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews