Phones





BANPU ครึ่งหลังผลงานฟื้นตัว-ปี64การันตีโตแกร่ง

2020-09-15 17:39:15 504




นิวส์ คอนเน็คท์ – BANPU ครึ่งหลังผลงานฟื้นตัว รับรู้กำไรจากแหล่งก๊าซฯ บาร์เน็ตต์ 50 ล้านเหรียญสหรัฐ โรงไฟฟ้าหงสากลับมาเดินเครื่องปกติ ไตรมาส4 COD โรงไฟฟ้าเพิ่ม มั่นใจผลงานปี64 โตต่อเนื่อง ชี้ช่วงปี 63-64 ชะลอลงทุนโครงการใหญ่ คาดธุรกิจก๊าซฯ 2 แหล่งสร้าง EBITDA ราว 200 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี


เมื่อเร็วๆ นี้ นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ผู้นำธุรกิจพลังงานแบบครบวงจรแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เปิดเผยว่า ประเมินว่ากำไรจากการดำเนินงานจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 63 และดีกว่าครึ่งปีแรก 63 เนื่องจากในช่วงไตรมาส 4/63 จะเริ่มรับรู้กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติบาร์เน็ตต์ (Barnett) สหรัฐอเมริกากว่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา


อย่างไรก็ตามหากรวมกับแหล่งก๊าซ Marcellus shale ที่มีอยู่แล้ว ก็คาดว่าจะสร้าง EBITDA ให้กับบริษัทได้ราว 200 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี บนสมมติฐานราคาก๊าซฯที่ 2.7 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู และมีทิศทางขาขึ้นในปี 64 โดยราคาฟิวเจอร์สอยู่ที่ราว 3 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู ซึ่งเป็นผลจากซัพพลายที่ลดลงหลังบางแหล่งลดการผลิตหรือปิดตัวไปจากราคาที่ตกต่ำก่อนหน้านี้ ขณะที่ปริมาณการใช้ที่เพิ่มขึ้น โดยราคาก๊าซฯที่ปรับขึ้นทุก 10 เซ็นต์ต่อล้านบีทียู จะทำให้มี EBITDA เพิ่มขึ้น 10 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี


ขณะเดียวกันจากทั้ง 2 แหล่งผลิตรวมกันของ BANPU จะส่งผลให้มีปริมาณขายก๊าซฯ เพิ่มขึ้นเป็น 450 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในปี 64 จากเฉลี่ยปีนี้ที่ราว 200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดยบริษัทจะยังไม่เร่งปริมาณผลิตและขายก๊าซฯ เพิ่มมากขึ้น เพราะจะต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มในการขุดเจาะหลุมผลิต ทั้งนี้ในปัจจุบันแหล่งบาร์เน็ตต์มีหลุมผลิตมากถึง 4,700 หลุมซึ่งเพียงพอรองรับการขายภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันเรียกได้ว่ามีปริมาณสำรองขนาด 2 ใน 3 ของก๊าซฯ อ่าวไทย


พร้อมกันนี้ในช่วงครึ่งปีหลัง 63 ยังได้รับปัจจัยหนุนจากต้นทุนการผลิตถ่านหินลดลง ขณะที่ราคาถ่านหินตลาดโลกจะปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าครึ่งปีแรก โดยหากประเมินราคาเฉลี่ยทั้งปี 63 คาดว่าจะอยู่ในระดับ 60 เหรียญสหรัฐต่อตัน รวมทั้งรับปัจจัยหนุนจากธุรกิจไฟฟ้าที่เตรียมจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ช่วงไตรมาสที่ 4/63 ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น 2 แห่งกำลังการผลิตรวม 25 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าถ่านหินหงสา ที่สปป.ลาว กลับมาเดินตามปกติหลังจากหยุดซ่อมบำรุงในช่วงครึ่งปีแรก และจะรับรู้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานลม (El Wind Mui Dinh) ขนาดกำลังการผลิต 37.6 เมกะวัตต์ ในเวียดนามเข้ามาทันทีหลังจากซื้อกิจการแล้วเสร็จในไตรมาส 4/63


ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวงในจีน กำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุน 396 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลมหวินเจา ระยะที่ 1 จังหวัดซอกจางในประเทศเวียดนาม กำลังผลิต 30 เมกะวัตต์เลื่อน COD ในไตรมาส 1/64
ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานในปี 63 จะยังเติบโตในทิศทางที่ดีอยู่ แม้จะต้องใช้เงินลงทุนเข้าซื้อแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ในสหรัฐ มูลค่า 570 ล้านเหรียญสหรัฐที่จะปิดดีลในวันที่ 1 ต.ค.นี้ก็ตาม ส่วนในปี 64 คาดว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตดีกว่าปี 63 จากการรับรู้ผลการดำเนินงานของแหล่งก๊าซฯบาร์เน็ตต์ เต็มปี และโรงไฟฟ้าพลังงานลม เอลวิน หมุย ยิน เต็มปี รวมถึงโรงไฟฟ้าถ่านหินซานซีลู่กวง ก็จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 1/64 ประกอบกับการลดต้นทุนการผลิตในธุรกิจถ่านหินอย่างต่อเนื่องก็จะช่วยหนุนผลการดำเนินงานด้วย


ส่วนแผนการลงทุนระยะสั้นปี 63-64 สู่โหมดธุรกิจของการตั้งรับ (Defensive Mode) โดยจะยังไม่เน้นการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ยกเว้นการเข้าซื้อแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เน็ตต์มูลค่า 570 ล้านเหรียญสหรัฐที่จะปิดดีลในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการรองรับกับสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เชื่อว่าจะส่งผลกระทบเศรษฐกิจไปอีก 1-2 ปี และยังเป็นการกดดันธุรกิจถ่านหินอีกด้วย และคาดว่าจะเริ่มกลับเข้าสู่การลงทุนตามปกติได้ในช่วงปี 65-68 อย่างไรก็ตามในช่วงปี 63-64 ก็เป็นโอกาสในการเร่งลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงาน ภายใต้กลยุทธ์ของบ้านปูฯ Greener & Smarter


ส่วนการลงทุนในปี 63 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 600 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากเดิมที่ตั้งงบลงทุนไว้ 930 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากที่เจรจาต่อรองราคาการเข้าซื้อแหล่งก๊าซฯบาร์เนตต์เหลือราว 570 ล้านเหรียญสหรัฐ และได้ชะลอการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐ และยังได้ปรับแผนไม่ซื้อโครงการโรงไฟฟ้าที่ยังไม่ได้ COD ทั้งในออสเตรเลียและเวียดนามที่ได้เข้าไปศึกษาไว้ก่อนหน้านี้ ขณะที่การลงทุนในปี 64 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนลดน้อยลงกว่าปี 63


 


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews