Phones





NER ราคาพุ่งแรง โบรกเชียร์ซื้อ ​เป้า5บาท

2020-10-09 19:29:49 996




นิวส์ คอนเน็คท์ - NER วิ่งแรง​ นักวิเคราะห์ประเมินธุรกิจกำไรโตแกร่ง หลังกำลังการผลิตใหม่เพิ่ม-พัฒนาต่อยอดธุรกิจปลายน้ำ แนะนำทยอยสะสมซื้อ ราคาเป้าหมาย 5 บาท


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2563​ ราคาหุ้น บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER​ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อนแรง​ พร้อมกับปริมาณซื้อขายหนาแน่น​ โดยระหว่างวัน​ราคาขึ้นไปทำจุดสูงสุด​ 3.96​ บาท​ และปิดที่ระดับ 3.88 บาท​ เพิ่มขึ้น​ 0.52 บาท​ หรือ​ 15.48% มูลค่าซื้อขาย 2,072 ล้านบาท


ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินแนวโน้มธุรกิจ NER คาดหวังจะเห็น Success Story ของ NER คล้ายๆ​ กับ STA ที่เกิดขึ้นในปีนี้ ด้วยการต่อยอดธุรกิจยางที่กำลังเติบโตแรงระหว่างปี 2563-2564 ด้วยการเพิ่มธุรกิจปลายน้ำจากยางพาราที่ให้มาร์จิ้นสูงกว่าธุรกิจเดิม 2 เท่าตัวเข้าไปในปี 2565 โดยระหว่างเตรียมเข้าสู่ S-Curve ที่ 2 นี้ คาดว่า NER จะยังคงแสดงกำไรสุทธิปีนี้ที่น่าพอใจที่ 959 ล้านบาท หรือโต 112% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และ​1,378 ล้านบาท หรือโต 44% ในปี 2564 ด้วยกำลังการผลิตใหม่ เพิ่ม 59% ที่เพิ่งเข้ามาเมื่อ มิ.ย. 63 ผนวกแนวโน้มมาร์จิ้นที่เริ่มขยับขึ้นหลังอุตสาหกรรมได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว


ขณะเดียวกัน​ การเป็นตัวกลางเพื่อแปรรูปยางของเกษตรกร แล้วใช้การจับชนปริมาณ ซื้อและขาย ที่อิงกับราคาในตลาดสิงคโปร์ (SICOM) เดียวกัน แล้วกำหนดราคาแบบ Cost plus ที่ต้องการ ทำให้ NER คุมอัตรากำไรได้ดี เราพบว่าอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยตั้งแต่เข้าตลาดฯอยู่ที่ 4.7% สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีของ STA (1.2%) และ TRUBB (-0.9%) ซึ่งแม้ NER ต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนสูงกับโมเดลแบบนี้ จนทำให้ D/E สูง 1.6 เท่าตลอดเวลา แต่ทว่า NER ก็ยังไม่เคยขาดทุนเลย นับแต่จดทะเบียนในตลาดหุ้น


อย่างไรก็ตาม​ ระหว่างกำไรกำลังเข้าต่อเนื่องในปี 2564 ในเวลาเดียวกันนี้ NER จะลงทุน 220 ล้านบาท เพื่อทำโรงงานแปรรูปยางเป็น “ยางแผ่นรองนอน” ที่ใช้ในวงการปศุสัตว์ประเทศเมืองหนาว ซึ่งครอบครัวผู้บริหารมีประสบการณ์ด้านนี้มายาวนาน โดยตั้งเป้าขาย 1 ล้านแผ่นในปี 2565 ซึ่งหากทำได้ จะมีขนาด 10% ของรายได้ในปี 2562 แต่ให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 25% เทียบกับ 12-13% ในธุรกิจปัจจุบัน อย่างไรก็ดี เราวางสมมติฐานไว้ที่ 3.8 แสนแผ่นในปีแรก (25% ของกำลังการผลิตรวม) โดยข้อดีของธุรกิจนี้ คือ การขยายอัตรากำไรเพิ่ม การลดแรงกดดันของ D/E และ กระแสเงินสดที่ดีขึ้นอีกด้วย


สำหรับความเสี่ยง ได้แก่ ความผันผวนของราคายางธรรมชาติ และมติเสนอขายหุ้น PP แบบ General mandate 154 ล้านหุ้น จะมีอายุถึง ก.พ. 2564 ซึ่งอาจทำให้เกิด EPS dilution effect ได้ 10% หากมีการใช้สิทธิ์ ซึ่งผู้บริหารเผยว่าได้เตรียมเผื่อไว้แก่ผู้ร่วมทุนที่เป็นบริษัทยางต่างประเทศ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งระยะยาว ทั้งนี้​ ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PEG 0.11-0.15 เท่า ยังไม่ได้สะท้อนการเติบของกำไร ส่วน P/E20F ก็ต่ำเพียง 6.2 เท่า แนะนำทยอยสะสม “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 2564 ที่ 5.00 บาท/หุ้น อิง P/E เฉลี่ยย้อนหลัง 7.0 เท่า มีส่วนลด STA ที่ 10%


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews