Phones





PTTEP ไตรมาส3กำไร7.2พันลบ. เพิ่มขึ้น72%

2020-10-29 14:47:10 374




นิวส์ คอนเน็คท์ - PTTEP โชว์ผลประกอบการไตรมาส 3/63 กำไรสุทธิ 7,202 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการขายปิโตรเลียมเพิ่มสูงขึ้น และราคาขายเฉลี่ยที่ปรับตัวดีขึ้น คาดปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยของปี 63 ที่อัตรา 350,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน


เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2563 นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/63 บริษัทมีรายได้รวมจากการดำเนินงาน 1,305 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 40,887 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/63 ซึ่งมีรายได้รวม 1,095 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 34,954 ล้านบาท) โดยมีปัจจัยหลักจากปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 344,317 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับ 327,004 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ซื้อเรียกรับก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในโครงการบงกชและโครงการคอนแทร็ค 4 สำหรับราคาขายผลิตภัณฑ์ของ PTTEP ในไตรมาส 3/63 เฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นกว่า 11% มาอยู่ที่ 38.77 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เมื่อเทียบกับ 34.97 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น


ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ PTTEP มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ที่ 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 7,202 ล้านบาท) สูงขึ้น 72% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งมีกำไรสุทธิ 134 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 4,323 ล้านบาท) โดยบริษัทยังคงสามารถรักษาระดับต้นทุนต่อหน่วยที่ 30 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ และมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคาที่ 71% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้


สำหรับผลประกอบการ 9 เดือนของปี 2563 นั้น ปตท.สผ. มีรายได้รวม 4,082 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 128,369 ล้านบาท) ลดลง 11% จาก 4,572 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 143,115 ล้านบาท) เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 639 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 20,137 ล้านบาท) ลดลง 46% เมื่อเทียบกับ 1,185 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เทียบเท่า 37,182 ล้านบาท) โดยหลักมาจากราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก


“ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ดีกว่าไตรมาสที่แล้ว โดยเป็นผลจากความต้องการใช้น้ำมันดิบที่มีแนวโน้มสูงขึ้นจากการที่หลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองจากไวรัสโควิด-19 และประเทศในองค์การกลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันออกและประเทศพันธมิตร (โอเปก พลัส) เองยังคงยืนนโยบายลดกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของราคา Spot LNG เองก็ปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน โดยราคาขายปลายเดือนกันยายนสูงขึ้นกว่า 5 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู ส่งผลให้การนำเข้า LNG ของประเทศต่อจากนี้ไปมีแนวโน้มที่จะลดลง ซึ่งที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่ามีการเรียกรับก๊าซในอ่าวไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีกับปริมาณการขายของบริษัทในช่วงไตรมาสหลังของปี อย่างไรก็ตาม ปตท.สผ. จะยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อเตรียมพร้อมเดินหน้าแผนงานทั้งเชิงรุกและเชิงรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์” นายพงศธร กล่าว


ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา PTTEP ได้เริ่มเจาะหลุมประเมินผล เพื่อประเมินศักยภาพปิโตรเลียม ในแปลงซาราวัก เอสเค 410 บี ประเทศมาเลเซีย หลังจากที่ได้ทำการเจาะหลุมสำรวจในปีที่ผ่านมาและค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของ PTTEP และเป็นแหล่งที่ใหญ่อันดับ 7 ของโลกในปี 2562 ซึ่งผลการเจาะน่าจะทราบภายในปีนี้ และจะผลักดันให้สามารถตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) ให้ได้ในปี 2565


นอกจากนี้ บริษัทได้ตกลงเข้าซื้อสัดส่วนการลงทุนในโครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ เพิ่มอีก 24.5% จาก CNOOC หนึ่งในผู้ร่วมลงทุนโครงการ ด้วยมูลค่าเท่ากับเงินลงทุนตามสัดส่วนของ CNOOC ที่ใช้ในระหว่างการพัฒนาโครงการจนถึงวันที่ได้รับการอนุมัติ ซึ่งขณะนี้กำลังรอการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลแอลจีเรีย โดยหลังจากการเข้าซื้อดังกล่าว บริษัทจะมีสัดส่วนการลงทุนในโครงการฯ ทั้งหมด 49% ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตในระยะแรกได้ที่ระดับ 10,000-13,000 บาร์เรลต่อวันในช่วงหลังของปี 2564 และจะเพิ่มการผลิตเป็น 50,000-60,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2568



ส่วนความคืบหน้าของการเปลี่ยนผ่านสิทธิการดำเนินการของโครงการจี 1/61 (แหล่งเอราวัณ) และโครงการ จี 2/61 (แหล่งบงกช) นั้น ขณะนี้บริษัทได้เริ่มวางแผนการเจาะหลุมสำรวจ การสร้างแท่นหลุมผลิตและท่อส่งก๊าซฯ รวมถึงเตรียมความพร้อมด้านอื่น ๆ เพื่อให้สามารถผลิตก๊าซฯ ได้ตามสัญญาแบ่งปันผลผลิต โดยในส่วนของโครงการจี 1/61 นั้น PTTEP อยู่ในระหว่างการเจรจาขอเข้าพื้นที่เพื่อติดตั้งแท่นผลิตและท่อใต้ทะเลตามแผนที่วางไว้ สำหรับปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยของปี 2563 PTTEP ประเมินว่าจะอยู่ที่อัตรา 350,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ลดลงเล็กน้อยจากที่มีการประเมินไว้ตอนกลางปี

>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews