Phones





BCP ไตรมาส 3/63 EBITDAโต145%

2020-11-11 16:02:42 284



 



นิวส์ คอนเน็คท์ – BCP โชว์ผลประกอบการไตรมาสา 3/63 รายได้จากการขายและการให้บริการ 33,652 ล้านบาท EBITDA 2,769 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 145% ชี้ราคาน้ำมันดิบช่วงที่ผ่านมาเคลื่อนไหวในระดับต่ำส่งผลให้ขาดทุนสุทธิ 647 ล้านบาท มั่นใจปี 64 ราคาน้ำมันในประเทศปรับเพิ่มสูงขึ้น


เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัท บางจากฯ ในไตรมาส 3/63 นั้นมีรายได้จากการขายและการให้บริการ 33,652 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และลดลง 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) อยู่ในระดับ 2,769 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 145% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน


ทั้งนี้สถานการณ์ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเคลื่อนไหวอยู่ในระดับต่ำส่งผลกระทบต่อความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการต่างๆ ของบริษัทร่วม OKEA ทำให้มีการบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 1,003 ล้านบาท ส่งผลให้ไตรมาส 3/63 ขาดทุนสุทธิ 647 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 66% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่ปรับตัวลดลง 275% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน


อย่างไรก็ตามหากรวมส่งผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 63 บริษัทฯ มีรายได้ 103,317 ล้านบาท ลดลง 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มี EBITDA 1,354 ล้านบาทลดลง 78% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่มี Operating EBITDA 6,407 ล้านบาท โดยมี Inventory Loss 4,887 ล้านบาท (รวมขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ (NRV) 28 ล้านบาท) และมีการบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ 2,490 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม รวมทั้งการด้อยค่าตามมาตรฐาน TFRS 9 จำนวน 913 ล้านบาท ส่งผลให้งวด 9 เดือนแรก มีการขาดทุนสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 7,219 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 5.59 บาท


ขณะที่แนวโน้มราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดโลกยังคงทรงตัวและมีความผันผวนจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ระลอก 2 ในหลายประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และยุโรป จนทำให้ต้องประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง คาดว่าจะส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์การใช้น้ำมันชะลอตัวลง เป็นปัจจัยกดดันให้ค่าการกลั่นทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งกระทบกับธุรกิจโรงกลั่น ส่วนกลุ่มธุรกิจการตลาดมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ความต้องการใช้น้ำมันในประเทศเริ่มฟื้นตัว จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ


นอกจากนี้มาตรการด้านการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นการประกาศวันหยุดพิเศษ หรือนโยบายการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติประเภทพิเศษ คาดว่าจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันในประเทศปรับเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการคลังคาดว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะสามารถกลับมาขยายตัวได้ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากมูลค่าการส่งออกสินค้าที่กลับมาขยายตัวตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญที่มีแนวโน้มขยายตัว การบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัว และการใช้จ่ายของภาครัฐเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ


 


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews