Phones





STGT มั่นใจผลงานปีหน้านิวไฮต่อ ย้ำงบQ4/63สุดพีค

2020-12-09 17:34:06 1223




นิวส์ คอนเน็คท์ - STGT มั่นใจ Q4/63 ผลงานพีคสุดของปีนี้ ตั้งเป้ารายได้-กำไรปีหน้าวิ่งทำนิวไฮ ตามความต้องการใช้ถุงมือยางพุ่ง ควักเงิน 4.8 หมื่นล้านบาท สร้างโรงงาน-ขยายกำลังผลิตเพิ่ม

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2563 นางสาวจริญญา จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายถุงมือยางธรรมชาติและถุงมือยางไนไตรล์รายใหญ่ของโลก เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจผลการดำเนินงานไตรมาส 4/63 จะทำจุดสูงสุดของปีนี้ จากการเพิ่มราคาขายประมาณ 50% เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะปัจจุบัน แต่ปริมาณการขายยังคงใกล้เคียงไตรมาส 3/63 ที่ประมาณ 7,200 ล้านชิ้น ดังนั้น มั่นใจรายได้และกำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง


สำหรับผลการดำเนินงานปี 2564 มั่นใจจะทำสถิติสูงสุดได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดปริมาณการขายจะเติบโตได้ 15% หรือมากกว่าปี 63 ที่จะทำได้กว่า 28,000 ล้านชิ้น อีกทั้งยังมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาอีกประมาณ 3,000 ล้านชิ้นต่อปี ที่พร้อมจะรับรู้เป็นรายได้เข้ามาได้ทันที ส่วนกรณีการมีวัคซีนป้องกันเชื้อไสรัสโควิด-19 ทางบริษัทเชื่อว่าความต้องการใช้ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งทางบริษัทมีคำสั่งซื้อล่วงหน้าแล้วถึง 31 เดือนจากนี้ โดยราคาขายจะเป็นการล็อคล่วงหน้าก่อนขาย 2 เดือน เพื่อให้ราคาขายเป็นไปตามกลไกตลาด ณ เวลานั้น


ขณะที่งบลงทุนปีหน้าเตรียมไว้ 10,000 ล้านบาท โดยเป็นเงินจากการระดมทุน IPO ในช่วงที่ผ่านมา เพื่อนำมาสร้างโรงงาน 4 แห่ง ได้แก่ โรงงานสุราษฎร์ธานี 2 กำลังจะผลิต 2200 ล้านชิ้นต่อปี ,โรงงานสุราษฎร์ธานี 3 รายการผลิต 4,000 ล้านชิ้นต่อปี ,โรงงานสะเดา ขนาดกำลังการผลิต 2,900 ล้านชิ้นต่อปี ,โรงงานสะเดา 2 ขนาดกำลังการผลิต 7,300 ล้านชิ้นต่อปี เบื้องต้นทางบริษัทได้เตรียมงบลงทุนไว้ประมาณ 48,000 ล้านบาท เพื่อมุ่งสู่กำลังการผลิต 100,000 ล้านชิ้น ในระยะ 6 ปี หรือภายในปี 2569

พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้เร่งวิจัยและพัฒนา (R&D) ถุงมือยางธรรมชาติที่ไม่ก่อให้เกิดการแพ้โปรตีน ซึ่งผลิตจากสูตรน้ำยางธรรมชาติและกระบวนการผลิตที่ผ่านการคิดค้นและทดลองจนสามารถป้องกันไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ทางผิวหนังได้ ซึ่งจะเป็นสินค้านวัตกรรมใหม่ที่สามารถสร้างความแตกต่างและสร้างมูลค่าเพิ่มแก่สินค้าเพื่อเจาะตลาดเซกเมนต์ใหม่ โดยมีเป้าหมายผลิตเพื่อจำหน่ายได้ในช่วงกลางปี 2564

ทั้งนี้ คาดว่าสินค้าดังกล่าวจะเป็นจุดเปลี่ยนที่น่าสนใจของอุตสาหกรรมถุงมือยาง ให้เกิดความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ถุงมือยางธรรมชาติเพิ่มขึ้นทดแทนการใช้ถุงมือยางไนไตรล์ จากปัจจุบันที่ภาพรวมทั่วโลกมีความต้องการการใช้ถุงมือยางธรรมชาติและถุงมือยางไนไตรล์ (ถุงมือยางสังเคราะห์) ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน เนื่องจากสามารถตอบโจทย์การใช้งานสำหรับผู้ที่แพ้สารโปรตีนในน้ำยางธรรมชาติและยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะใช้วัตถุดิบจากน้ำยางธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีราคาถูกกว่าถุงมือยางไนไตรล์


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews