Phones





BJCHI ชูธงปี 62 เข้าสู่โหมดเทิร์นอะราวด์

2019-08-28 22:12:36 183




นิวส์ คอนเน็คท์ - BJCHI พร้อมกลับมาผงาด! ประกาศปี 62 เข้าสู่โหมดเทิร์นอะราวด์ “หยัง เจิน ลี” ชี้ธุรกิจเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังคว้างานใหญ่ในอุตสาหกรรมปิโตรฯ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ดัน Backlog พุ่งแตะ 4,000 ล้านบาท ส่วนปีนี้ยังมีลุ้นผลประมูลงานมูลค่าเฉียด 20,000 ล้านบาท ด้านผลประกอบการโค้งแรกปีนี้ เริ่มส่งสัญญาณบวกพลิกมีกำไร 15 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 99 ล้านบาท


นายหยัง เจิน ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (BJCHI) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ที่พลิกมีกำไรสุทธิ 15 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 99 ล้านบาท หลังจากที่บริษัทจะทยอยรับรู้รายได้จากโครงการในมืออย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทฯมีกระแสเงินสดในมือกว่า 1,000 ล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ในระดับต่ำกว่า 0.2 เท่า

ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 2/62 บริษัทฯมีกำไรจากการดำเนินงาน โดยมีกำไรขั้นต้น 151 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 12 ล้านบาท สาเหตุหลักเนื่องจาก การรับรู้รายได้ตามสัญญาจากโครงการในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซหลายโครงการที่เพิ่มสูงขึ้น โดยล่าสุด BJCHI คว้างานโครงการขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรรมน้ำมันและก๊าซ มีมูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยโครงการทั้งหมดนั้นเป็นโครงการที่อยู่ทั้งต่างประเทศและในประเทศ งานส่วนใหญ่จะเป็นงานแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็กและประกอบกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่ ที่บริษัทฯ มีประสบการณ์ทำงานลักษณะนี้เป็นอย่างดี และเมื่อรวมกับมูลค่างานที่มีในมืออยู่ก่อนแล้วประมาณ 1,000 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบัน BJCHI มีมูลค่างานในมือหรือ Backlog รวมเป็นประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องระหว่างปี 2562-2564


“การที่บริษัทคว้างานโครงการขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรรมน้ำมันและก๊าซ จะถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ผลประกอบการของบริษัทฟื้นตัวอย่างชัดเจนในอนาคตอันใกล้ หลังจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ประสบกับภาวะการชะลอตัวลงของอุตสาหกรรม”


นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างรอลุ้นผลประมูลงานโครงการที่มีศักยภาพสูง (High Potential Project) อยู่อีกเกือบ20,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรับงานของบริษัทฯ มากขึ้นในอนาคต ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการในปีนี้ และปีหน้าเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป