Phones





บล.กสิกร มอง SET เดือน ก.ย. 1,592-1,687 จุด

2019-08-30 17:17:51 330




นิวส์ คอนเน็คท์ - บล.กสิกรไทย มอง SET เดือน ก.ย.นี้ เคลื่อนไหวอยู่ที่ 1,592-1,687 จุด หลังคาดว่า ข้อพิพาทระหว่างสหรัฐ และ จีนไม่กระทบ พร้อมปรับลดดัชนี 12 เดือนลงเป็น 1,750 จากเดิม 1,775 จุด


นายภาสกร ลินมณีโชติ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยในดือน ก.ย.นี้ จะเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1,592-1,687 จุด คาดว่าข้อพิพาทระหว่างสหรัฐและจีน จะกลายเป็นภัยพิบัติต่อเศรษฐกิจ เพราะทรัมป์บริหารจัดการ downside risk เสมอ อย่างไรก็ดี ทรัมป์มีรูปแบบการเจรจาเชิงรุก แล มุทะลุ ทำให้กระบวนการเจรจาเกิดความผันผวนสูง ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อมุมมองเชิงบวกมาจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน สังเกตเห็นการตอบโต้ทางวาจาในช่วงหลังจะเป็นไปในเชิงจู่โจมมากขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง จะทำให้ข้อพิพาทที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และปฎิกิริยาโต้ตอบที่รุนแรงต่อกัน จะกลายเป็นปัจจัยฉุดเศรษฐกิจโลกลงสู่ภาวะถดถอยได้


ขณะเดียวกัน ได้ปรับลดเป้าหมาย SET Index ล่วงหน้า 12 เดือนลงเล็กน้อย เป็น 1,750 จากเดิมที่ 1,775 จุด เป็นผลมาจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่กลับมาทวีความรุนแรงอีกครั้ง และ ความกังวลเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย ขณะที่ให้น้ำหนักกับประเด็นผลประกอบการที่อ่อนแอในไตรมาส 2/62 ไม่มากนัก โดยรวมแล้วกำไรไตรมาส 2/62 ออกมาดีกว่าประมาณการของบริษัทอยู่ 3%

สำหรับปัจจัยสนับสนุนต่อมุมมองบวกของบริษัท มาจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะมาถึงโอกาสที่จะได้รับการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อของประเทศ หลังจากได้รับการปรับเพิ่มอันดับจาก Fitch และ Moody’S ประกอบกับ สภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำต่อเนื่อง และสถานะทางการเงินระหว่างประเทศที่แข็งแกร่งของไทย


ในส่วนของหุ้นในกลุ่มที่น่าสนใจได้แก่ กลุ่มการบินและท่องเที่ยว MINT ให้ราคาเป้าหมาย 44 บาท/หุ้น และ ERW ราคาเป้าหมาย 7.50 บาท/หุ้น โดยมองว่าการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวกลับมาเป็นบวกที่ 4.3% ในเดือน ก.ค. และ มีแนวโน้มเป็นบวกต่อเนื่องในเดือน ส.ค.


นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มอื่นๆ ได้แก่ CPALL ราคาเป้าหมาย 92 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากมาตรการช่วยเหลือกลุ่มที่มีรายได้ต่ำของรัฐบาล และจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในต่างจังหวัด, กลุ่มเกษตร CPF และ ราคาเป้าหมาย 35 บาท/หุ้น โดยคาดว่าปีนี้จะมีกำไรที่แข็งแกร่ง เพราะมีราคาสุกรที่แข็งแกร่งในครึ่งปีหลัง เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร(AFS) ในเวียดนาม, กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม BGC ให้ราคาเป้าหมาย 15.70 บาท/หุ้น และ TKN ราคาเป้าหมาย 13 บาท/หุ้น , กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม AMATA ราคาเป้าหมาย 27.50 บาท/หุ้น เพราะมีสถานะที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดจาก FDI ที่สูงขึ้น หลังจากมีการย้ายฐานโรงงานมาจากจีน ส่วนกลุ่มไอซีที ได้แก่ INTUCH ราคาเป้าหมาย 76.09 บาท/หุ้น , DTAC ราคาเป้าหมาย 68.73 บาท/หุ้น, TRUE ราคาเป้าหมาย 7.89 บาท/หุ้น