นิวส์ คอนเน็คท์ - PTT วางงบลงทุน 5 ปี 1.03 แสนล้านบาท เน้นใช้ในธุรกิจก๊าซหลังเล็งเห็นการเติบโตสูงในอนาคต ส่วนทั้งกลุ่มวางไว้ 8.5 แสนล้านบาท ประเมินราคาน้ำมันดิบปีนี้ 50-60เหรียญ/บาร์เรล มั่นใจไร้ Stock Loss

เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมงบลงทุนในระยะ 5 ปี (64-68) ไว้ที่ 103,267 ล้านบาท โดยจะลงทุนในธุรกิจก๊าซฯ จำนวน 30,552 ล้านบาท ,ธุรกิจที่ร่วมทุนหรือลงทุน100% จำนวน 27,267 ล้านบาท ,PTTLNG จำนวน 22,150 ล้านบาท ,ธุรกิจท่อส่งก๊าซฯ จำนวน 13,053 ล้านบาท และ ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานการค้าระหว่างประเทศ และปิโตรเลียมขั้นปลาย จำนวน 10,245 ล้านบาท

ขณะที่งบลงทุนระยะ 5 ปี ที่จะใช้ทั้งกลุ่มคาดใช้ประมาณ 850,573 ล้านบาท และจัดเตรียมงบลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) ในระยะ 5 ปีข้างหน้า จำนวน 804,202 ล้านบาท โดยจะมุ่งเน้นในธุรกิจหลักของกลุ่มโรงกลั่น ก๊าซธรรมชาติ และปิโตรเคมี มุ่งแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆด้วยการรุกธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต รวมถึงเชื่อมต่อคุณค่าจากแหล่งผลิตปิโตรเลียมสู่ประชาชน ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงาน

ด้านแนวโน้มราคาน้ำมันดิบดูไบ มองว่าราคาทั้งปีจะเฉลี่ยอยู่ที่ 55-60 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งปัจจุบันราคาได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนจาก อุปสงค์เพิ่มจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น รวมถึงการเพิ่มสต๊อกของประเทศจีน และ อุปทานเพิ่มขึ้นจากกำลังการผลิตใหม่ตั้งแต่ไตรมาส 2/64 เป็นต้นไป โดยการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบนั้นจะส่งผลบวกต่อปตท.ทั้งกลุ่ม ส่วนแนวโน้มราคาปิโตรเคมี ประเมินว่า โอเลฟินส์(Olefins) ความต้องการใช้จะปรับตัวดีขึ้น ขณะที่อะโรเมติกส์(Aromatics)เชื่อว่าจะเข้าสู่จุดสมดุล

สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 64 เชื่อว่าผลการดำเนินงานจะมีทิศทางที่ดี จากทุกธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง แต่ในอนาคตอาจจะต้องมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนต่อไปเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะในขณะนั้น นอกจากนั้นยังเล็งเห็นธุรกิจก๊าซที่มีโอกาสการเติบโตระดับสูง อีกทั้งปีนี้บริษัทมั่นใจว่าจะไม่มีด้อยค่าสินค้าคงเหลือ (Stock Loss) เนื่องด้วยราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews