Phones





“W” นำธุรกิจอาหารปี63ฝ่ามรสุมCovid-19

2021-03-01 18:41:38 498




นิวส์ คอนเนฌคท์ - “W” นำธุรกิจอาหารปี 2563 ฝ่ามรสุม Covid-19 คาดปี 2564 หลัง Covid-19 คลี่คลาย ธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด! เผยปรับโครงสร้างทุนแล้วเสร็จจ่ายปันผลได้ทันทีเมื่อมีกำไร


เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2564 บริษัท วาว แฟคเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ W เผยแพร่งบการเงินปี 2563 ผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย พบว่าผลกำไร-ขาดทุนรวมที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจ (ไม่ได้รวมรายการพิเศษที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน เช่น ขาดทุนจากการขายเงินลงทุนในธุรกิจชิ้นส่วนอีเล็คโทรนิคส์ ขาดทุนจากการตั้งสำรอง และกำไรพิเศษอื่นๆ) มีผลขาดทุนประมาณ 48 ล้านบาท ทั้งนี้ หากพิจารณาที่ธุรกิจอาหารทั้งกลุ่ม โดยไม่รวม Domino’s Pizza (ธุรกิจอาหารของกลุ่ม W ที่ถือเงินลงทุนผ่านบริษัทย่อย Food Holding อันได้แก่ Kagonoya, Le Boeuf, Creps&Co., และกลุ่มขนม BAKE) พบว่าธุรกิจอาหารดังกล่าวมีผลขาดทุนลดลงถึง 18 ล้านบาท โดยลดลงจากผลขาดทุน 37 ล้านบาทในปี 2562 เหลือ 19 ล้านบาทในปี 2563


ในส่วนผลขาดทุนที่เพิ่มขึ้นในปี 2563 จำนวน 29 ล้านบาท เกิดจากการที่ W รับรู้ผลประกอบการของ Domino’s Pizza ในช่วงไตรมาส 4/63 ซึ่งเป็นไปตามที่ผู้บริหารได้คาดการณ์ไว้แล้วก่อนเข้าซื้อธุรกิจ Domino’s Pizza ว่าจะมีผลขาดทุนในช่วงแรกซึ่งเป็นช่วงซ่อม-สร้าง ธุรกิจราว 8 – 10  ล้านบาทต่อเดือน
 
ด้านนายศิรัตน์ รัตนไพฑูรย์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน W เปิดเผยว่า จากผลการดำเนินงานปี 63 ซึ่งธุรกิจอาหารเจอผลกระทบอย่างหนักจาก Covid แต่กลับเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมที่ร้านอาหารในเครือ Food Holding สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเชื่อว่าปัจจัยความสำเร็จนี้เกิดจากการที่เรามุ่งพัฒนาสิ่งต่างๆ ที่เคย Commit ไว้กับผู้ถือหุ้น


โดยในปี 2563 บริษัทมีพัฒนาการที่สำคัญที่ดำเนินการสำเร็จแล้ว ได้แก่ การเพิ่มช่องทางการขายผ่าน Delivery ซึ่งเพิ่มยอดขายและส่วนแบ่งการตลาดได้เป็นอย่างดีในช่วง Covid, การรวมแบรนด์ร้านขนมญี่ปุ่นทุก Brand ในร้านเดียว ภายใต้ Concept “Bake Works” ซึ่งจะทำให้ค่าเช่าที่เป็นค่าใช้จ่ายหลักลดลงอย่างมีนัยสำคัญ, การปรับปรุงบริการและคุณภาพอาหารของ Kagonoya โดยเฉพาะเรื่องเนื้อวัว ซึ่งเป็นจุดแข็งของแบรนด์ และได้รับผลตอบรับที่ดีมากจากลูกค้า นอกจากนี้เรายังมีการปรับปรุงร้าน Le Boeuf ให้กลับเข้ามาในตลาดในฐานะร้าน Steak ชั้นนำได้
 
“สำหรับ Domino’s Pizza ซึ่งเรามองว่าจะเป็นเรือธงของกลุ่มบริษัท เพราะตลาดพิซซ่าในไทยมีขนาดใหญ่นับหมื่นล้านบาท และ Domino’s Pizza ก็เป็นแบรนด์ QSR PIZZA ชั้นนำของโลกนั้น ในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งเรารับโอนธุรกิจ Domino’s Pizza พบว่าอยู่ในภาวะขาดทุน โดยเราได้ใช้เวลา 3-4 เดือนที่ผ่านมาในการแก้จุดอ่อนและเสริมจุดแข็ง ซึ่งปัจจุบันต้องบอกว่าเราได้ดำเนินการแล้วเสร็จแล้ว โดยใน Phase ถัดไปจะเป็นการเปิดสาขาเพิ่มให้ครอบคลุมฐานลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ ซึ่งหากดำเนินแล้วเสร็จตามแผนในช่วงไตรมาส 4 ก็คาดว่าจะพาธุรกิจผ่านจุดคุ้มทุนได้”
 
ทั้งนี้ W ได้มีการแจ้งมติการอนุมัติการรวม Par และลดทุนในวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยนายศิรัตน์ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “จากที่คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการจัดโครงสร้างทุนของบริษัทด้วยการรวมพาร์และลดทุนชำระแล้วด้วยการลดพาร์เพื่อล้างขาดทุนสะสม และส่วนต่ำมูลค่าหุ้น ซึ่งคาดการณ์ว่าหากที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติแล้ว บริษัทจะดำเนินการดังกล่าวแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2564 ซึ่งจะทำให้ฐานะการเงินของบริษัทสะท้อนสถานะทางการเงินที่แท้จริง โดยหากในอนาคตบริษัทมีกำไรและกระแสเงินสดก็จะสามารถปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ จึงนับว่าเป็นเรื่องที่ดีอีกเรื่องหนึ่งของบริษัท โดยภายหลังการดำเนินการจัดโครงสร้างทุน หุ้นของบริษัทจะลดลงจากราว 12,000 ล้านหุ้น เหลือเพียงราว 814 ล้านหุ้น และงบการเงินไตรมาส 2/2564 ของบริษัทจะไม่มีขาดทุนสะสมและส่วนต่ำมูลค่าหุ้นอีก (ขาดทุนสะสมในงบปี 63 จำนวน 953 ล้านบาท และส่วนต่ำมูลค่าหุ้นจำนวน 10,321 ล้านบาท)”


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews