นิวส์ คอนเน็คท์ - PTG มั่นใจ Q1/64 ปริมาณขายน้ำมันโตต่อเนื่อง ย้ำทั้งปียอดขายโต 8-12% ทุ่มงบ 4.5 พันล้านบาท ขยายทุกธุรกิจในเครือ ดีลพันธมิตรรุกธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะ

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2564 นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า บริษัทคาดปริมาณการขายน้ำมันไตรมาส 1/64 จะเติบโตประมาณ 8-12% จากช่วงเดียวของปีก่อนที่ขายได้ประมาณกว่า 500 ล้านลิตร จากที่บริษัททำการตลาดอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เป็นที่รู้จักต่อผู้บริโภคอย่างกว้างขวางประกอบกับสาขาที่มีอยู่ 2,850 สาขา จึงทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง ขณะเดียวกันค่าการตลาดในขณะนี้อยู่ประมาณ 1.8-1.9 บาทต่อลิตรซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสม นอกจากนี้ธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน ยังสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับภาพรวมธุรกิจปี 64 ตั้งเป้ามีกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) เติบโตอยู่ที่ 10-15% เนื่องจากบริษัทฯ ยังคงเห็นโอกาสการเติบโตในอุตสาหกรรมน้ำมันภาพรวมต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ซึ่งมีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันอยู่ที่ 4,959 ล้านลิตร หรือคิดเป็นเติบโต 5.9% เมื่อเทียบจากปีก่อน และสูงกว่าอุตสาหกรรมโดยรวมที่มีปริมาณจำหน่ายน้ำมันโดยรวมอยู่ที่ 34,837 ล้านลิตร หรือลดลง 1.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จึงทำให้บริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มปริมาณการจำหน่ายน้ำมันในปีนี้โต 8-12%

“ปีนี้ตั้งเป้าที่จะขยายสาขาการให้บริการทั้งธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน (Non-Oil) รวมเป็น 3,160 สาขา เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีสาขารวมทั้งหมด 2,850 สถานี โดยคาดว่าจะเพิ่มสถานีบริการน้ำมัน (ปั๊มน้ำมัน) จากเดิม 1,888 สาขา เพิ่มเป็น 2,030 สาขา และสถานีบริการแก๊ส LPG เพิ่มขึ้นจาก 206 สาขา เป็น 260 สาขาภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงการขยายศูนย์บริการรวม (Touchpoint) ซึ่งเป็นธุรกิจ Non-Oil เช่น ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ ร้านกาแฟพันธุ์ไทย ร้านคอฟฟี่เวิลด์ ร้านสะดวกซื้อแมกซ์มาร์ท (Max Mart) รวมถึงศูนย์บริการซ่อมบำรุงรักษรถยนต์ออโต้แบคส์ (Autobacs)  และอื่นๆ รวมเป็น 870 สาขา จากปี 2563 ที่มีศูนย์บริการรวม 756 สาขา ซึ่งหลักๆ จะเป็นการขยายสาขาของร้านกาแฟพันธุ์ไทย เพื่อให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น” นายพิทักษ์ กล่าว

ส่วนธุรกิจแก๊ส LPG คาดปีนี้มีปริมาณการขายประมาณ 97,000 ตัน สูงกว่าปีก่อนที่มีปริมาณการขาย 87,000 ตัน ทั้งนี้ในธุรกิจ LPG มีอัตรากำไรขั้นต่นประมาณ 4-5 บาทต่อกก. ซึ่งเป็นระดับที่สามารถสร้างการเติบโตให้แก่บริษัทได้อย่างยั่งยืน โดยคาดช่วงปลายปีนี้เตรียมแผนที่จะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์(Filing)ให้กับทาง ก.ล.ต.ต่อไป

พร้อมกันนี้จัดเตรียมงบประมาณสำหรับการลงทุนดังกล่าวกว่า 4,000-4,500 ล้านบาท สำหรับขยายธุรกิจทั้งในธุรกิจหลัก ธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน รวมถึงธุรกิจใหม่ ซึ่งคาดว่างบสำหรับการขยายสถานีบริการน้ำมันและแก๊ส LPG อยู่ที่ 3,000-3,500 ล้านบาท ลงทุนในธุรกิจ Non-Oil จำนวน 500 ล้านบาท ได้แก่ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และที่เหลืออีกประมาณ 500 ล้านบาท เป็นการลงทุนในธุรกิจใหม่

พร้อมกันนี้บริษัทได้เจรจากับพันธมิตร 1 ราย เพื่อต้องการจะเข้าลงทุนในธุรกิจพลังงานขยะ กำลังผลิต 6 เมกะวัตต์ โดยมูลค่าโครงการทั้งหมดอยู่ประมาณ ไม่เกิน 1 พันล้านบาท อีกทั้งยังเตรียมเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มกองทัพบก คาดหวังได้ 30 เมกะวัตต์ โดยต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการดังกล่าวนั่นหากมีความชัดเจนหรือความคืบหน้าจะแจ้งให้นักลงทุนทราบต่อไป

>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews