Phones





NER ตั้งเป้ารายได้ปี64โตไม่น้อยกว่า30%

2021-03-24 07:29:05 361




นิวส์ อนเน็คท์ - NER ตอกย้ำปี 64 รายได้โตไม่น้อยกว่า 30% หรือประมาณ 22,000 ล้านบาท แย้ม! อาจมีการปรับเป้าประมาณการยอดขายใหม่ในไตรมาส 2 ตามความต้องการใช้ยางพาราในธุรกิจอุตสาหกรรมมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง และราคายางเฉลี่ยปี 64 จะสูงกว่าปี 63


เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยถึงเป้าหมายการเติบโตในปี 2564 คาดว่าบริษัทจะมีรายได้ 22,000 ล้านบาท จากปริมาณการขายยางพาราอยู่ที่ 410,000 ตัน โดยบริษัทมีกำลังการผลิตทั้งหมด 465,000 ตัน จากการที่ทั่วโลกสนับสนุนการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซพิษไอเสียรถยนต์สู่อากาศนั้น ทำให้ยอดขายรถยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ซึ่งรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่ รถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริด และรถยนต์พลังงานเซลส์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนทั่วโลกมียอดขายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจากการประเมินภาพรวมความต้องการใช้ยางพาราในปี 2564 มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากปี 2563 และอาจทำให้บริษัทต้องมีการปรับเป้าหมายของยอดขายใหม่ใน Q2 และคาดการณ์ว่าจะเห็นภาพรวมความต้องการใช้ทั่วโลกเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2565


ด้านราคายางพาราเฉลี่ยในปี 2564 จะสูงกว่าปี 2563 จากภาพรวมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศจีนที่กลับมาเติบโตได้ดี โดยจีนเป็นหนึ่งในประเทศผู้บริโภคยางพารารายใหญ่ของโลก ส่งผลให้เกิดความต้องการใช้ยางเพื่อการผลิตยางล้อในอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมถึงได้รับผลดีจากการดึงความต้องการใช้ยางธรรมชาติ ที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมการผลิตถุงมือยาง หลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19


สำหรับสัดส่วนรายได้ปี 2564 ทางบริษัทยังวางนโยบายการจำหน่ายสินค้าในประเทศและต่างประเทศเป็น 60 : 40 ซึ่งในสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศแบ่งเป็น จีน 60% , ญี่ปุ่น 20% และอื่นๆอีก 20% เช่น สิงคโปร์ บังคลาเทศ เป็นต้น ทางบริษัทมีประมาณการณ์ในการเพิ่มกลุ่มลูกค้าอินเดีย เพื่อให้เกิดส่วนแบ่งทางการตลาดอุตสาหกรรมยางธรรมชาติออกจากประเทศจีน ทั้งนี้ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการพึ่งพาลูกค้าจากประเทศใดประเทศหนึ่งเพียงอย่างเดียว มองว่าเป็นอัตราส่วนที่เหมาะสมของลูกค้าในประเทศที่มีการเพิ่มกำลังการผลิตจากการย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนย้ายมาตั้งโรงงานอยู่ที่ประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น และลูกค้าต่างประเทศที่มีความต้องการใช้ยางธรรมชาติอยู่ แต่ปริมาณของผู้ส่งออกยางธรรมชาติในประเทศไทยมีปริมาณลดลง


นอกจากนี้ สมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ (ARPC) คาดการณ์ปี 2021 ความต้องการใช้ยาง ธรรมชาติของโลกจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 8-10% (เทียบกับปี 2020 ปรับตัวลดลง -15%) ขณะที่ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) มองว่าสถานการณ์ผลผลิตยางพาราโลกในปี 2021 ต่อเนื่องถึงปี 2022 จะไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้โดยเห็นสัญญาณมาตั้งแต่ปลายปี 2020 ที่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ การใช้ยางธรรมชาติกลับมาดำเนินธุรกิจกันใหม่และต่างเดินเครื่องกันเต็มกำลังการผลิต ในส่วนของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) วางเป้าหมายการผลิตรถยนต์ของไทยปี 2021 ที่ 1.5 ล้านคันเพิ่มขึ้น 5.12 % จาก 1.42 ล้านคันในปีก่อนสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการใช้ยาง รถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้น และคาดว่าความต้องการใช้ถุงมือยางจะเติบโต 25% ในปี 2021 และ 20% ในปี 2022 จากปัจจัยทั้งหมดจะส่งผลให้ราคายางแผ่นดิบและยางแผ่นรมควันจะเป็นราคาเฉลี่ยที่ 65-70 บาทต่อกิโลกรัมนับจากนี้


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews