Phones





SEAFCO ยังแข็งแกร่ง

2021-03-26 09:37:56 899



SEAFCO ยังแข็งแกร่ง (สกู๊ปพิเศษ)



ปี 63 ที่ผ่านมา ถือเป็นที่ยากลำบากของทุกๆ ธุรกิจ หลังจากทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของแทบทุกประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยต้องหยุดชะงัก แผนการลงทุนต่างๆ ไม่ว่าจะของภาครัฐ หรือเอกชน ต้องถูกเลื่อนออกไป โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ต้องถูกพับแผนเพื่อรอดูสถานการณ์ ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบแบบโดมิโน่ไปยังธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง


บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFO ซึ่งถือเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำของไทยทางด้านธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง งานฐานราก งานเสาเข็ม ซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แบบเต็มๆ แต่ผลประกอบการปี 63 ที่ผ่านมา ถือว่ายังสามารถเอาตัวรอดได้ แม้เห็นว่ารายได้และกำไรสุทธิปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปี 62 ก็ตาม ซึ่งในปี 64 นี้ ดร.ณรงค์ ทัศนนิพันธ์ แม่ทัพใหญ่ของ SEAFCO มองว่า ธุรกิจยังน่าจะสามารถเอาตัวรอดได้ แต่จะให้มีการเติบโตเหมือนในช่วง 2-3 ปีก่อนหน้านี้ คงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก



“ตอนนี้เราเหลือ backlog มาจากปีก่อนอีกราว 2,000 ล้านบาท ซึ่งน่าจะทยอยส่งมอบงานและรับรู้รายได้เข้ามาในปีนี้ทั้งหมด แม้จะมีบางโครงการที่ยังติด EIA อยู่บ้าง แต่ก็น่าจะผ่านไปได้ แต่ประเด็นสำคัญคือปีนี้ เราไม่คิดว่าจะเห็นการลงทุนใหญ่ๆ ออกมา โดยเฉพาะงานของเอกชน คงไม่มีแน่นอน สิ่งที่เราจะทำได้ในปีนี้คือเก็บงานเล็กๆ เข้ามาให้หมด แม้จะสร้างมาร์จิ้นได้ไม่เยอะแต่ก็คงต้องรับงานไว้ เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างรายได้เป็นหลัก”


ดร.ณรงค์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่น่ากังวลในปีนี้ ไม่ใช่เรื่องของงานใหม่ที่จะมีมากหรือน้อย ประเด็นสำคัญคือ ปัจจุบันบริษัทเดินหน้างานทุกโครงการอย่างเต็มกำลังผลิตแล้ว แต่เรื่องการขาดแคลนแรงงานถือเป็นสิ่งที่กังวลมากที่สุด ตอนนี้ไม่สามารถนำเข้าแรงงานได้ เพราะรัฐบาลยังใช้มาตรการปิดประเทศเพื่อป้องกันโควิด-19 ซึ่งต่อให้บริษัทรับใหม่ได้มากแค่ไหน ก็ไม่มีแรงงานพอจะส่งมอบงานได้ สิ่งนี้ถือเป็นปัจจัยที่จะกดดันธุรกิจในปีนี้



อย่างไรก็ตาม มุมมองของบรรดานักวิเคราะห์จากค่ายต่างๆ ต่อผลประกอบการของ SEAFCO ในไตรมาส 1/64 ต่างเห็นตรงกันว่าจะฟื้นตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/63 โดย บล.กรุงศรี ระบุว่า ปัจจุบันอัตราการใช้เครื่องจักรของ SEAFCO ฟื้นตัวขึ้นสู่ 73% เทียบกับ 65% ในไตรมาส 4/63 จึงคาดว่ารายได้ในไตรมาส 1/64 และอัตรากำไรขั้นต้นจะฟื้นตัว ทำให้คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 1/64 จะพลิกมาเป็นกำไรราว 50 ล้านบาท จากขาดทุน 35 ล้านบาท ในไตรมาส 4/63


โดยปัจจุบัน SEAFCO มี backlog มูลค่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะเพียงพอต่อการรับรู้ไปอีกสามไตรมาส ขณะที่คาดว่าโครงการ Central Embassy-Phase มูลค่า 700 ล้านบาท ที่จะเริ่มในไตรมาส 2/64 จะช่วยหนุนรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวได้เต็มที่ และในปี 65 จะได้แรงหนุนจากโครงการเมกกะโปรเจคที่จะประมูลในปี 64 มูลค่ากว่า 400,000 ล้านบาท เช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ และรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก โดยคาดว่าทั้งสองโครงการจะมีงานฐานรากมูลค่า 8,800 ล้านบาท



ด้าน บล. หยวนต้า ระบุว่า ผลประกอบการของ SEAFCO ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 4/63 เนื่องจากรับรู้ผลกระทบจากการตั้งสำรองขาดทุนของโครงการมอร์เตอร์เวย์ 20 ล้านบาท และผลขาดทุนบางโครงการ โดยคาดว่าจะเห็นผลประกอบการฟื้นตัวในไตรมาส 1/64 เนื่องจากประเด็นกดดันจากการตั้งสำรองดังกล่าวเกิดขึ้นครั้งเดียว


ขณะที่ SEAFCO ยังมีโอกาสดีจากงานใหม่ภาครัฐ เช่น งานส่วนต่อขยายสายสีชมพู และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ต่อขยาย) เตรียมขายซองประมูล ในเดือน เม.ย รวมถึงรถไฟทางคู่เส้นทางใหม่ และรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน สะท้อนต่องานฐานรากมีความชัดเจนภายในปี ซึ่งคาด SEAFCO มีโอกาสรับงานใหม่ทั้งปี 64 ไม่น้อยกว่า 1-2 พันล้านบาท โดยปัจจุบันมีงานใหม่ที่บริษัทอยู่ระหว่างประมูลวงเงิน 5 พันล้านบาท คาดหวังความสำเร็จ 20-30%


ถือได้ว่า SEAFCO ยังเป็นรับเหมาฐานรากที่ยังแข็งแกร่ง


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews