นิวส์ คอนเน็คท์ - ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ หรือ LPP ได้ฤกษ์เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด” เพื่อสร้างความชัดเจนในแบรนด์ LPP ในฐานะผู้นำในการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 นางสาวสมศรี เตชะไกรศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด (LPP) บริษัทบริหารจัดการชุมชนในเครือ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยว่า ปัจจุบัน บริษัท ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด“ โดยยังคงใช้ชื่อย่อ “LPP” เช่นเดิม เพื่อสร้างความชัดเจนในแบรนด์ LPP ในฐานะผู้นำในการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร (Integrated Property Service Management Provider)
ในขณะเดียวกันบริษัทมีแผนขยายงานบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ให้ครอบคลุมในอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท ทั้งการบริหารอาคารพักอาศัย สำนักงาน อาคารในเชิงพาณิชย์ การรักษาความปลอดภัยและการดูแลรักษาความสะอาด ในฐานะที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญด้านงานบริหารโครงการที่มุ่งเน้นการเพิ่มคุณค่าของการบริการหลังการส่งมอบจากผู้พัฒนาไปยังผู้ซื้อ เพื่อการอยู่อาศัยที่สะดวกสบายและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพย์สินในระยะยาวทั้งเพื่อการอยู่อาศัยและการลงทุน
“นอกจากงานบริหารอาคารพักอาศัย สำนักงาน และอาคารเชิงพาณิชย์ ที่รับผิดชอบการบริหารจัดการทรัพย์สินส่วนกลางและพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งมีจุดเด่น คือ การบริหารคุณภาพชีวิตของผู้พักอาศัยทุกเพศ ทุกวัย ให้อยู่ร่วมกันอย่างมีคุณภาพชีวิตที่ดีแล้ว LPP ยังให้บริการบริหารงานระบบการจัดการสินทรัพย์ให้เช่า งานบริการจัดหาผู้เช่าและผู้ซื้อ โดยรับผิดชอบในการบริหารทรัพย์สินประเภทห้องชุดพักอาศัยที่ผู้ซื้อหรือนักลงทุนต้องการจัดหาผู้เช่าและผู้ซื้อ ดำเนินการตรวจคัดกรองผู้เช่าที่มีคุณภาพเพื่อการอยู่รว่มกันอย่างปลอดภัยในชุมชน การบริหารอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ (Facility Management) และงานบริการด้านวิศวกรรมที่ต้องใช้ทักษะและความชำนาญเฉพาะด้าน ตั้งแต่การดูแลควบคุมระบบการบำรุงรักษา และการปรับปรุงซ่อมแซมระบบอาคารชุด” นางสาวสมศรี กล่าว
ปัจจุบัน LPP บริหารจัดการโครงการทั้งอาคารชุดพักอาศัย อาคารสำนักงาน และอาคารในเชิงพาณิชย์ ทั้งสิ้นกว่า 200 โครงการ บนพื้นที่รับผิดชอบกว่า 10 ล้านตารางเมตร คิดเป็นจำนวนห้องชุดกว่า 150,000 หน่วย ทั้งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีรายได้รวม ณ สิ้นปี 2563 จำนวน 750 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายเติบโตไม่น้อยกว่าปีละ 20%
>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews