นิวส์ คอนเน็คท์ – กกร.ประเมินเศรษฐกิจไทยยังมีแรงกดดันต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี 62 รับผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐฯกับจีน และความเสี่ยงกรณี Brexit ขณะที่ปัญหาน้ำท่วมอาจฉุดกำลังซื้อและการบริโภคในประเทศ พร้อมสะกิดภาครัฐออกมาตรการดูแลค่าเงินบาท หลังยังมีสัญญาณแข็งค่าต่อเนื่อง

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชนร่วม 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร.ประเมินว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยในช่วงที่เหลือของปี 62 ยังคงมีแรงกดดันจากภาคต่างประเทศ โดยเป็นผลกระทบมาจากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งทำให้เศรษฐกิจโลกอยู่ในภาวะชะลอตัวตัว รวมไปถึงปัญหาการค้าระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ และความเสี่ยงจากประเด็น Brexit ของประเทศอังกฤษ

นอกจากนี้ การที่เงินบาทยังแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลกระทบต่อการภาคส่งออก และภาคการท่องเที่ยวของไทย รวมไปถึงการใช้จ่ายภายภายในประเทศยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง รวมถึงล่าสุดที่เกิดปัญหาน้ำท่วมในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

สำหรับการที่รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ชิม ช้อป ใช้ รวมถึงมาตรการประกันรายได้สินค้าเกษตรสำคัญๆ มองว่าอาจจะเป็นผลบวกที่ช่วยชดเชยผลกระทบจากหลายปัจจัยกดดันที่เกิดขึ้น รวมถึงอานิสงส์จากการที่ภาครัฐเตรียมจะออกมาตรการเพื่อดึงดูดการย้ายฐานการลงทุนจากผลกระทบเรื่องสงครามการค้า แต่อาจต้องใช้เวลา และ คงจำเป็นต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และแรงจูงใจที่มากพอสำหรับนักลงทุน รวมไปถึงประเด็นเรื่องค่าเงิน  

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม กกร. มีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่ยังขาดปัจจัยหนุน และมีโอกาสสูงขึ้นที่เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ รวมทั้งยังกังวลต่อประเด็นเงินบาทที่แข็งค่ามากที่สุดในภูมิภาค และยังมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องหากธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถทางการแข่งขันของภาคการส่งออกและการลงทุนของไทย โดย กกร.จะมีการติดตามและทบทวนประมาณการเครื่องบ่งชี้เศรษฐกิจต่างๆของไทยอีกครั้งในเดือน ต.ค.นี้