นิวส์ คอนเน็คท์ - EFORL ส่งสัญญาณฟื้น หลังโควิด-19 ดันยอดขายเครื่องมือการแพทย์พุ่ง หนุนงบไตรมาส 1/64 พลิกมีกำไร 36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 109% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 392 ล้านบาท แย้มออเดอร์ใหม่ไหลเข้าเพียบ พร้อมเดินหน้าประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง ดันรายได้โต 15% ตามแผน

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 นายปรีชา นันท์นฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จํากัด (มหาชน) หรือ EFORL เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ งวดไตรมาส 1/64 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2564) มีรายได้รวม 418 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 94 ล้านบาท หรือ 29% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 324 ล้านบาท ในไตรมาสนี้ยังมีกำไรสุทธิ 36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 428 ล้านบาท หรือ 109% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 392 ล้านบาท

ขณะเดียวกันบริษัทฯยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าเครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งเป็นรายได้หลัก และตลาดยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก โดยจะเป็นการเข้าประมูลกับหน่วยงานโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชนเพื่อรับงาน รวมทั้งร่วมมือกับพันธมิตรทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ และเครื่องมือทางการแพทย์ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งถือเป็นการต่อยอดธุรกิจให้เติบโตในอนาคต ขณะที่ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมามีเม็ดเงินจากการเพิ่มทุนกว่า 176 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีความแข็งแกร่งทางการเงินมากขึ้นด้วย และมั่นใจว่าแนวโน้มรายได้ในปีนี้จะเติบโต 15% ตามแผนงานที่วางไว้ จากปีที่ผ่านมา

“รายได้และกำไรในไตรมาส 1 ของปีนี้เติบโตและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นรายได้มาจากธุรกิจเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์เป็นหลัก โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการทยอยส่งมอบเครื่องมือทางการแพทย์ ให้กับโรงพยาบาล ขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนประสบปัญหาขาดทุนจากการด้อยค่าทางบัญชีจำนวน 709 ล้านบาท ซึ่งหากพิจารณางบการเงินในภาพรวมของไตรมาสที่ 1/64 ทั้งในงบการเงินเฉพาะกิจการและงบการเงินรวมจะเห็นได้ว่า ผลกระทบจากการด้วยค่าในธุรกิจความงามได้มีการบริหารจัดการอย่างต่อเนื่อง จนแทบจะไม่ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อบริษัทอีกต่อไป และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ คาดว่าจะส่งผลให้ความต้องการเครื่องมือทางการแพทย์เพิ่มขึ้น ทำให้มีออเดอร์ใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง” นายปรีชา กล่าว

>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews