Phones





BBL ไตรมาส 2/62 กำไร 9,347 ล้าน

2019-07-28 21:39:51 335






นิวส์ คอนเนคท์ – BBL แจ้งงบการเงินไตรมาส 2/62 ยังเพิ่มขึ้น 1.7% มาอยู่ที่ระดับ 9,347 ล้านบาท โดยรายได้ดอกเบี้ยปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ตัวเลขสินเชื่อหดตัวเล็กน้อยจากกลุ่มสินเชื่อลูกค้าธุรกิจและสินเชื่อต่างประเทศ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/62 จำนวน 9,347 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 0.4% และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 2.36% ในส่วนของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง 1% เนื่องจากกำไรสุทธิจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศ และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลงเล็กน้อยจากค่าธรรมเนียมธุรกิจหลักทรัพย์ซึ่งลดลงตามสภาวะตลาดทุน


ขณะที่ค่าธรรมเนียมจากบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวมเพิ่มขึ้น ทำให้สัดส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและสัดส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยต่อรายได้จากการดำเนินงานยังคงอยู่ที่ประมาณ 57% และ 43% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากแผนธุรกิจของธนาคารที่ต้องการกระจายแหล่งที่มาของรายได้ สำหรับอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 45.3%


สำหรับเงินให้สินเชื่อสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. มีจำนวน 2,017,314 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน เป็นการลดลงของสินเชื่อลูกค้าธุรกิจและสินเชื่อกิจการต่างประเทศ สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 3.5% อยู่ในระดับเดียวกับไตรมาสที่ผ่านมา โดยธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการดูแลกระบวนการอำนวยการสินเชื่อ พร้อมทั้งบริหารคุณภาพสินเชื่อควบคู่กับการดำรงค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 185.8%


ทั้งนี้ ธนาคารยังคงรักษาสภาพคล่องและเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่สามารถรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต โดย ณ สิ้นเดือนมิ.ย.62 เงินรับฝากมีจำนวน 2,352,679 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 85.7% ด้านเงินกองทุนหากนับกำไรสุทธิงวด 6 เดือนรวมเข้าเป็นเงินกองทุน อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยจะอยู่ในระดับประมาณ 19.1% 17.6% และ 17.6% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด