Phones





สมาคมประกันวินาศภัยไทยเผย ไตรมาส1/64เบี้ยประกันภัยโต2.4%

2021-05-25 14:51:27 260




นิวส์ คอนเน็คท์ - ส.ประกันวินาศภัยไทย เผยไตรมาส 1/64 มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง 65,780 ล้านบาท เติบโต 2.4% คาดการณ์ทั้งปีจะอยู่ที่ 253,000-265,000 ล้านบาท หรือ เติบโต 0-5% 
  
เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า ผลประกอบการของธุรกิจประกันวินาศภัยไทยในไตรมาส 1/64 มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมทั้งสิ้น 65,780 ล้านบาท เติบโต 2.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากการเติบโตของประกันภัยทางทะเลและขนส่ง (12.8%) ประกันอัคคีภัย (4.4%) ประกันภัยรถยนต์ (2.5%) และประกันภัยเบ็ดเตล็ด (1.4%) ประกันภัยประเภทต่างๆ ยังคงมีแนวโน้มเติบโตดี ยกเว้นประกันภัยการเดินทางที่ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19

สำหรับประกันภัย COVID-19 นั้น มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงในไตรมาส 1/64 ประมาณ 800 ล้านบาท จำนวนกรมธรรม์ประกันภัยทั้งสิ้น 1.3 ล้านกรมธรรม์ เติบโตลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในไตรมาส 1/64 ยังไม่รุนแรงมากนัก จึงทำให้การต่ออายุกรมธรรม์และการซื้อกรมธรรม์ใหม่มีจำนวนลดลงในช่วงต้นปี ขณะที่ไตรมาส 1/63 นั้นมีการระบาดหนักของโรค COVID-19 จึงทำให้ประชาชนมีความตื่นตัวและซื้อกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 เป็นจำนวนมาก
 
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นนับตั้งแต่เดือนเมษายน 64 เป็นต้นมา ส่งผลทำให้มีการต่ออายุกรมธรรม์และซื้อกรมธรรม์ COVID-19 เพิ่มขึ้น โดยมีการซื้อกรมธรรม์ประกันภัย COVID-19 ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤษภาคม (ข้อมูล ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2564) มีจำนวนสูงถึง 9 ล้านกรมธรรม์ มูลค่าเบี้ยประกันภัยรับโดยตรง 3,500 ล้านบาท 

ทั้งนี้คาดการณ์ว่า ธุรกิจประกันวินาศภัยไทยในปี 64 จะมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมทั้งสิ้น 253,000-265,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 0-5% ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจ การลงทุนของภาครัฐและเอกชน การใช้จ่ายของประชาชน และการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทั้งในและต่างประเทศ 

ในส่วนของการขับเคลื่อนภารกิจของสมาคมฯ ในการเป็นองค์กรที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้ธุรกิจประกันวินาศภัยเป็นเสาหลักของระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างยั่งยืนนั้น สมาคมฯ ได้ร่วมกับบริษัทสมาชิกดำเนินกิจกรรมต่างๆ อาทิ การมอบกรมธรรม์ประกันภัยกลุ่มให้กับบุคลากรทางการแพทย์ การมอบเครื่องช่วยหายใจให้กับโรงพยาบาลบุษราคัม เมืองทองธานี และการมอบกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองการแพ้วัคซีนฟรีให้กับประชาชนทั่วไป

อีกทั้งได้ร่วมกับบริษัทสมาชิกจัดโครงการ “ฉีดช่วยชาติ หมอพร้อมฉีด ประกันวินาศภัยพร้อมดูแล ประกันภัยแพ้วัคซีน” มอบกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองการแพ้วัคซีนให้กับประชาชนทั่วไปฟรีจำนวน 13 ล้านสิทธิ์ คุ้มครองกรณีเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน ทุนประกันภัยขั้นต่ำ 1 แสนบาท เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจและกระตุ้นให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) ในกลุ่มประชากร ซึ่งจะช่วยลดจำนวนผู้ป่วยหนักและเสียชีวิต และช่วยให้เกิดการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ยั่งยืนในระยะยาว

นอกจากนี้แล้ว สมาคมฯ ยังได้เดินหน้าขับเคลื่อนภารกิจในการเป็นผู้บริหารความเสี่ยงมืออาชีพในการบรรเทาความเสียหายจากภัยพิบัติเนื่องมาจากภัยธรรมชาติ เพื่อให้เกษตรกรไทยมีหลักประกันในการดำเนินชีวิตที่ดีขึ้น และเป็นการช่วยลดภาระของภาครัฐในการจัดหาสวัสดิการสังคมให้กลุ่มคนดังกล่าว โดยสมาคมฯ ได้ร่วมมือกับภาครัฐจัดให้มีโครงการประกันภัยพืชผล ซึ่งประกอบด้วย โครงการประกันภัยข้าวนาปีและโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 64 ที่ผ่านมา เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 64 เป็นที่เรียบร้อย ภายใต้กรอบวงเงิน 2,935 ล้านบาท พื้นที่เป้าหมายรับประกันภัย 46 ล้านไร่ นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังได้มีมติเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 เห็นชอบให้ดำเนินโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 64 วงเงิน 311.41 ล้านบาท พื้นที่เป้าหมายรับประกันภัยรวม 2.92 ล้านไร่ 

อีกทั้งยังได้จัดให้มี โครงการธนาคารน้ำใต้ดิน เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงเชิงรุกในการสร้างความสมดุลและยั่งยืนของแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและการอุปโภคบริโภค โดยโครงการธนาคารน้ำใต้ดินในปี 64 นี้เป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากโครงการ “หนองฮีโมเดล” ซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จในปี 63 ครอบคลุมพื้นที่กว่า 88,000 ไร่ ในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ณ ตำบลสระคู อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่กว่า 3,200 ครัวเรือน การดำเนินโครงการดังกล่าวใช้งบประมาณจาก “กองทุนประกันภัยพืชผล” ของสมาคมฯ จำนวน 23,285,500 บาท 

รวมถึงยังได้สนับสนุนการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตร้อยเอ็ด ณ ทุ่งกุลาร้องไห้ ตำบลหินกอง อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด ในการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้และต้นแบบของการจัดการน้ำใต้ดินในพื้นที่แห้งแล้งที่อยู่นอกเขตชลประทาน และศูนย์การเรียนรู้ด้านการเพาะปลูกข้าวหอมมะลิคุณภาพสูงและพืชผลนอกฤดูกาลในภาคอีสาน เพื่อให้เกษตรกรได้เข้ามาศึกษาและขยายผลของวิธีการทำเกษตรกรรมสมัยใหม่ให้เกิดการพัฒนาและสร้างความยั่งยืนในการประกอบอาชีพต่อไป การสนับสนุนโครงการธนาคารน้ำใต้ดินและโครงการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ดังกล่าว ถือเป็นการแสดงเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นของสมาคมฯ ในการเปลี่ยน “ทุ่งกุลาร้องไห้” ให้เป็น “ทุ่งกุลายิ้มได้” ในอนาคต