Phones





BBL โชว์กำไรสุทธิครึ่งปีแรก13,280ล้านบาท

2021-07-20 18:27:08 334



 
นิวส์ คอนเน็คท์ – BBL แจ้งผลประกอบการ 6 เดือนแรกปี 64 มีกำไรสุทธิ 13,280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.4% ขณะที่กำไรสุทธิไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 6,357 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105.4% จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน
 
เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL รายงาน กำไรสุทธิไตรมาส 2 /64 อยู่ที่ 6,357 ล้านบาท ลดลง 8.2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/64 แต่เพิ่มขึ้น 105.4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกของปี 64 อยู่ที่ 13,280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 4.8% เนื่องจากผลของการรวมธนาคารเพอร์มาตาตั้งแต่เดือนพ.ค.63 และมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 2.12% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในช่วงครึ่งปีแรกของปี 63
 
ในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 18.8% จากค่าธรรมเนียมบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวม และค่าธรรมเนียมธุรกิจหลักทรัพย์ รวมถึงการรวมรายได้ค่าธรรมเนียมของธนาคารเพอร์มาตา สำหรับอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 49.5%  
 
ทั้งนี้ ธนาคารมีการตั้งสำรองตามหลักความระมัดระวังโดยคาดการณ์ปัจจัยผลกระทบสำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า
 
ธนาคารกรุงเทพยังคงดำรงฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ตามแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ เพื่อรองรับผลกระทบจากเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้าและมีความไม่แน่นอนมากขึ้น
 
ขณะที่ ณ สิ้นเดือนมิ.ย.64 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,420,305 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% จากสิ้นปี 63 จากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจและสินเชื่อกิจการต่างประเทศ แม้ว่าอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ในระดับทรงตัวที่ 3.7% ธนาคารยังคงมีการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 190.3%
 
ด้านเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนมิ.ย.64 อยู่ที่จำนวน 3,046,985 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4% จากสิ้นปีก่อน เป็นผลจากการที่ลูกค้าต้องการดำรงสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงในภาวะที่มีความไม่แน่นอน ทำให้อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 79.4% ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ 18.4% 15.9% และ 15.0% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
 
ทั้งนี้ สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยขณะนี้ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง มีผู้ติดเชื้อใหม่จำนวนหลายพันรายต่อวัน การกลายพันธุ์ของไวรัสทำให้การระบาดยืดเยื้อ สัดส่วนประชากรไทยที่ได้รับวัคซีนยังไม่มากพอ และแผนการเปิดประเทศ เพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงอยู่ในช่วงเริ่มดำเนินการ ด้วยเหตุนี้ ความต่อเนื่องของมาตรการภาครัฐ ในการช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจและลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการประคับประคองและฟื้นฟูเศรษฐกิจ
 
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาธนาคารได้สนับสนุนมาตรการของภาครัฐและเร่งดำเนินการช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่องตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 พร้อมดูแลลูกค้าให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับลูกค้าแต่ละราย ขณะเดียวกัน ธนาคารให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยง ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง